กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 9.5% ในเดือนกรกฎาคม ดีกว่าที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 9.6% แต่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรลดลงมากเกินคาด 131,000 อัตราเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอยู่ในภาวะซบเซา
ตัวเลขจ้างงานเดือนกรกฎาคมลดลงหลังจากรัฐบาลเลิกจ้างพนักงานชั่วคราวเพื่อการสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐประจำปี 2553 (Census 2010) จำนวน 143,000 ตำแหน่ง
ด้านอัตราจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดเพียง 71,000 อัตรา ขณะที่อัตราว่างงานจะลดลงก็ต่อเมื่อมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นราว 200,000 อัตราต่อเดือน
ชาวอเมริกันตกงาน 8.5 ล้านคนนับตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อเดือนธันวาคมปี 2550 และนักเศรษฐศาสตร์ไม่คิดว่าอัตราจ้างงานจะฟื้นตัวในเร็ววันนี้ เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจดังกล่าวมีความรุนแรงมาก ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า
ภาคการผลิตยังคงเป็นกลไกหลักที่ผลักดันให้เกิดการจ้างงานในภาคเอกชน โดยภาคการผลิตมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 36,000 อัตราในเดือนกรกฎาคม และภาคการผลิตมีการจ้างงานถึง 183,000 อัตรานับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัวจากภาวะถดถอย
ส่วนภาคการก่อสร้างยังคงลังเลที่จะจ้างแรงงานเพิ่ม โดยมีการจ้างงานลดลง 11,000 อัตราในเดือนกรกฎาคม ภาคส่วนนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะฟองสบู่แตกในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และไม่น่าจะขยายตัวได้มากจนกว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะแข็งแกร่งจริงๆ
นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่า อัตราว่างงานอาจปรับตัวสูงขึ้นอีกในช่วง 2 เดือนข้างหน้า ก่อนที่จะลดลงอีกครั้ง ขณะเดียวกันนายเบน เบอร์นันเก้ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ไม่คิดว่าตลาดแรงงานจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“คงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าที่ชาวอเมริกันเกือบ 8.5 ล้านคนที่ตกงานในช่วงปี 2551 และ 2552 จะกลับมามีงานทำอีกครั้ง" เบอร์นันเก้กล่าวเมื่อช่วงต้นสัปดาห์
นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าเศรษฐกิจต้องฟื้นตัวเร็วกว่านี้อัตราว่างงานจึงจะปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.4% ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ จากที่ขยายตัว 3.7% ในไตรมาสแรก และ 5.0% ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว สำนักข่าวซินหัวรายงาน