นายเออิซูเกะ ซากากิบาระ อดีตรมช.คลังญี่ปุ่น หรือชื่อที่เรียกขานกันในตลาดการเงินว่า "มิสเตอร์เยน" กล่าวแสดงความเห็นผ่านเครือข่ายโทรทัศน์ฟูจิของญี่ปุ่นว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะยังไม่ใช้นโยบายสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยน และคาดว่าเงินเยนจะแข็งค่าขึ้นอีกในปีนี้เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ทางการสหรัฐไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้
ซากากิบาระกล่าวว่า "เงินเยนแข็งค่าขึ้นถึง 7.9% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะชะงักงัน มีความเป็นไปได้สูงมากที่เงินเยนจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และจะยืนอยู่ที่ระดับดังกล่าวไปอีกระยะหนึ่ง"
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังไม่ได้กำหนดนโยบายสกัดการแข็งค่าของเงินเยนอย่างเป็นทางการ แม้การแข็งค่าของเงินเยนกำลังส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทส่งออกรายใหญ่ของญี่ปุ่นก็ตาม รวมถึงโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป, ฮอนด้า มอเตอร์ และแคนนอน อิงค์ นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินเยนยังฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยในวันนี้ สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปีนี้ ขยายตัวเพียง 0.4% ต่อปี
การแสดงความคิดเห็นของนายซากากิบาระมีขึ้นหลังจากที่นายยูชิฮิโกะ โนดะ รมว.คลังญี่ปุ่น พยายามหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายยับยั้งการแข็งค่าของเงินเยน ในขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายด้านการเงิน โดยนายโนดะกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า "รัฐบาลญี่ปุ่นจะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและจะใช้นโยบายก็ต่อเมื่อจำเป็น" แต่นายโนดะปฏิเสธที่จะระบุว่ารัฐบาลจะเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยน
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราตั้งแต่เดือนมี.ค.2547 ซึ่งเป็นช่วงที่เงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 109 ดอลลาร์