สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ รวมถึงจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นแตะระดับ 500,000 คน ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของสหรัฐที่ระบุว่ากิจกรรมด้านการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกหดตัวลงอย่างรุนแรงในเดือนส.ค. ได้ฉุดสัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมร่วงลง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,235.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,229.50 - 1,239.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 7.20 เซนต์ ปิดที่ 18.327 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 3.1 เซนต์ ปิดที่ 3.3395 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 9.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,527.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 4.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 485.65 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 500,000 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2552 ที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งแตะระดับ 500,000 คน สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทสหรัฐยังคงลดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกหดตัวลงสู่ระดับ -7.7 จุดในเดือนส.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะดีดตัวขึ้น และหดตัวลงหลังจากเคลื่อนไหวที่ระดับ +5.1 จุดในเดือนก.ค. โดยดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 0 บ่งชี้ว่ากิจกรรมด้านการผลิตมีการขยายตัว แต่ดัชนีที่เหลือไหวต่ำกว่า 0 บ่งชี้ว่ากิจกรรมด้านการผลิตหดตัวลง
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เข้าซื้อทองคำในปริมาณ 1,295.516 ตันในช่วงเวลาที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 ส.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.912 ตันจากระดับของวันที่ 17 ส.ค.