เงินเยนร่วงเช้านี้ หลังรมว.คลังญี่ปุ่นเผยรัฐบาลจะรับมือกับการแข็งค่าของเงินเยนอย่างเหมาะสม

ข่าวต่างประเทศ Wednesday August 25, 2010 08:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินเยนร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวในวันนี้ (25 ส.ค.) หลังจากนายยูชิฮิโกะ โนดะ รมว.คลังญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะรับมือกับการแข็งค่าของเงินเยนอย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ ณ เวลา 09.50 น.ตามเวลากรุงโตเกียว เงินเยนดิ่งลงมาอยู่ที่ระดับ 84.37 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) ที่ 83.90 เยนต่อดอลลาร์

นายโนดะ รมว.คลังญี่ปุ่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่กรุงโตเกียวในวันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะรับมือกับการแข็งค่าของเงินเยนอย่างเหมาะสม แต่นายโนดะปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นว่าจะมีการแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราหรือไม่

"มุมมองพื้นฐานของเราก็คือการจับตาความเคลื่อนไหวของเงินเยนในด้านเดียว ผมเชื่อว่ารัฐบาลจะรับมือกับการแข็งค่าของเงินเยนอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ รัฐบาลจะจับตาดูความเคลื่อนไหวในตลาดปริวรรตเงินตราอย่างใกล้ชิดที่สุด" นายโนดะกล่าว

การแสดงความคิดเห็นของนายโนดะส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจใช้มาตรการบางอย่างเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน แม้นายโนดะไม่ได้แสดงความเห็นเรื่องการแทรกแซงตลาดก็ตาม

นอกจากนี้ ค่าเงินเยนยังร่วงลงหลังจากหนังสือพิมพ์นิกเกอิ อิงลิช นิวส์ รายงานว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อาจจะใช้มาตรการผ่อนปรนด้านการเงินเพิ่มเติม และกระทรวงการคลังญี่ปุ่นอาจพิจารณาเรื่องการแทรกแซงตลาด หากนักเก็งกำไรแห่เข้าถือครองสกุลเงินเยนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันคาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของบีโอเจอาจเปิดการประชุมเร็วกว่ากำหนด จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 6-7 ก.ย.นี้

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับ 12 สกุลเงินของประเทศคู่ค้าหลักๆของสหรัฐ เพราะถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันให้กับสกุลเงินดอลลาร์

สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.ร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 27.2% จากเดือนมิ.ย. มาอยู่ที่ระดับ 3.83 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2548 หรือในรอบ 15 ปี และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 12% เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และจากการที่นโยบายลดหย่อนภาษีของรัฐบาลหมดอายุลงตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.ปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ