สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) หลังจากสภาทองคำโลก (WGC) คาดการณ์ว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกจะยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนจะทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำหลังจากทางการสหรัฐรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 7.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,241.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เคลื่อนตัวในช่วง 1,230.90 - 1,243.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 64.80 เซนต์ ปิดที่ 19.026 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3.05 เซนต์ ปิดที่ 3.2315 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 9.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,527.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 7.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 491.55 ดอลลาร์
WGC รายงานว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกยังคงแข็งแกร่งในปีนี้ เนื่องจากความต้องการในจีนและอินเดียที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ WGC คาดการณ์ว่า ความต้องการด้านการลงทุนในทองคำจะยังคงเพิ่มขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนจะทำให้นักลงทุนและผู้บริโภคโดยทั่วไปหันมาถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยความวิตกกังวลครั้งล่าสุดมีขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.ร่วงลง 12.4% มาอยู่ที่ระดับ 276,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กระทรวงพาณิชย์เริ่มรวบรวมข้อมูลยอดการขายบ้านในปี 2506 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 330,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 315,000 ยูนิตต่อปี
นอกจากนี้ ทางการสหรัฐรายงานว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนก.ค. เพราะได้แรงหนุนจากยอดสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 75.9% อย่างไรก็ตาม ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.8%