ยอดการลงทุนภาคธุรกิจของออสเตรเลียร่วงหนักเกินคาดในไตรมาส 2 ของปีนี้ เนื่องจากหลายบริษัทปรับลดการใช้จ่ายด้านวัสดุอุปกรณ์และการก่อสร้าง
สำนักงานสถิติออสเตรเลียเปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายเงินทุนของออสเตรเลียในไตรมาส 2 ร่วงลง 4% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ปรับตัวลดลง 1%
ทั้งนี้ ยอดการใช้จ่ายเงินทุนของออสเตรเลียมีแนวโน้มร่วงลงอีก หลังผลการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมายังไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากในสภา และสถานการณ์เช่นนี้มีผลต่อข้อเสนอเรื่องการจัดเก็บภาษีทรัพยากรเหมือง ซึ่งออสเตรเลียเป็นผู้ส่งออกสินแร่เหล็กและทองแดงรายใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ รายงานในวันนี้ยังเป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่ตอกย้ำถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอในกลุ่มประเทศยักษ์ใหญ่ ซึ่งรวมถึงในสหรัฐที่เพิ่งรายงานยอดขายบ้านใหม่ซึ่งร่วงหนักเกินคาดในเดือนก.ค.
ภาคเอกชนของออสเตรเลียคาดว่า มูลค่าการลงทุนในรอบปีที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.2554 จะอยู่ที่ 1.233 แสนล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.09 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้น 17.5% จากที่คาดการณ์เมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ และทะยานขึ้น 24.3% จากที่ได้คาดการณ์ไว้เมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม บางบริษัทมีแผนลดการลงทุน หลังพรรคแรงงานประกาศในเดือนพ.ค.ถึงแผนการจัดเก็บภาษีเหมืองแร่ที่ 40% แต่ถึงกระนั้นอุปสงค์สินแร่เหล็กและถ่านหินจากจีน รวมถึงความต้องการด้านพลังงานจากประเทศดังกล่าวได้ช่วยกระตุ้นการดำเนินธุรกิจของหลายบริษัทในออสเตรเลีย
สำหรับอัตราว่างงานของออสเตรเลียอยู่ที่ระดับ 5.3% ในเดือนก.ค. โดยนายจ้างได้เพิ่มการจ้างงานเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งจากสถานการณ์ในตลาดแรงงานที่ดีขึ้นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นายเกลน สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียรุกปรับขึ้นดอกเบี้ย 6 ครั้งในระหว่างเดือนต.ค.-พ.ค.ที่ผ่านมา และล่าสุดธนาคารได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 4.5% ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 ส.ค. โดยให้เหตุผลถึงความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยักษ์ใหญ่ เช่น สหรัฐ และยุโรป