นายกฯ เผย ประกาศประเภทกิจการรุนแรงจะเข้าคณะรัฐมนตรี ใน 31 ส.ค.

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday August 29, 2010 10:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรัฐมนตรี เผยประกาศประเภทกิจการรุนแรงของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 31 ส.ค.นี้ โดยจะมีน้อยกว่า 18 กิจการตามที่คณะกรรมการ 4 ฝ่ายเสนอ และจะสร้างความชัดเจนต่อภาคธุรกิจและประชาชน

"จะได้มีการเสนอประกาศฯ ต่อคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารนี้ และพยายามจะยึด 18 ประเภทกิจการ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และถือว่าปฏิบัติได้ ...และเมื่อประกาศออกมาแล้ว ถือว่ามีความชัดเจนในการปฏิบัติ ตามมาตรา 67 วรรคสอง ในทุกขั้นตอน เพียงแต่ว่าบางเรื่องที่เราใช้ระเบียบอยู่ ถือว่าเป็นการชั่วคราวก็ต้องรอให้ผ่านสภาจึงจะเป็นกฎหมายต่อไป และน่าจะมีความชัดเจนต่อทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายภาคประชาชนและภาคธุรกิจอุตสาหกรรมด้วย" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ"เชื่อมั่นกับนายกอภิสิทธิ์ "

ทั้งนี้ การกำหนดกิจการที่มีผลกระทบรุนแรงประชาชนในพื้นที่ คณะกรรมการ 4 ฝ่ายได้เสนอมา 18 ประเภทกิจการ และทางคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมได้มีการพิจารณาอย่างละเอียด โดยยึดถือหลักทางด้านวิชาการประกอบกับความกังวลของพี่น้องประชาชน รวมถึงมาตรฐาน ที่กำหนดไว้ในประเทศต่างๆ

แต่ก็จะมี สิ่งแตกต่างจากมติของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย โดยสรุปคือมี 2 กิจการ ที่ในที่สุดแล้วคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม เห็นว่าไม่น่าจะต้องประกาศ คือกิจการสูบน้ำเกลือจากใต้ดิน เพราะว่าขณะนี้จะไม่มีการอนุญาตให้ประกอบกิจการอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็มีเฉพาะผู้ประกอบการรายเดิมซึ่งขณะนี้ก็มีการฟ้องร้องศาลปกครองว่าจะสามารถเดินหน้าต่อได้หรือไม่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องประกาศ ซึ่งถือว่ามีกระบวนการที่จะแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว

อีกกิจการหนึ่งที่คณะกรรมการ 4 ฝ่ายเสนอมาคือเรื่องกิจการชลประทาน ซึ่งทางคณะกรรกมารสิ่งแวดล้อม เห็นว่าเนื่องจากกรณีของเขื่อน และ ประตูน้ำ เป็นกิจการที่จะต้องมีเรื่องทำผลการวิเคราะห์กระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ทั้งที่รุนแรงและไม่รุนแรงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องประกาศ

นอกจากนั้น จะมีบางกิจการไม่ได้ต้องทำรายงานผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม แต่จะกำหนดให้ต้องจัดทำรายงานผลกระทบดังกล่าว ก่อน ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะต้องประกาศว่าเป็นกิจการที่มีผลกระทบรุนแรง กิจการเหล่านี้ได้แก่ เตาเผาขยะติดเชื้อ ประตูน้ำที่ขวางกั้นลำน้ำต่างๆ รวมถึง กิจการที่มีการผันน้ำข้ามลุ่มแม่น้ำหลัก ฉะนั้น 3 กิจการนี้ ก็จะเริ่มต้นจะให้ทำรายงาน EIA และผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ส่วนที่คณะกรรมการ 4 ฝ่ายเสนอว่า โครงการที่ต้องทำ EIA อยู่แล้วแต่ไปอยู่พื้นที่ ที่มีความละเอียดอ่อนเช่น พื้นที่มรดกโลก อุทยานประวัติศาสตร์ หรือปลูกสิ่งก่อสร้างลงไปในทะเลที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น แต่เนื่องจากพื้นที่ที่ระบุขอบเขตกว้างเกินไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทำคือ ประกาศให้กิจการเหล่านี้ ทางคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม หรือคณะผู้ชำนาญการ ที่พิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้น สามารถจะประกาศเป็นพื้นที่ๆไป เพื่อให้กำหนดไว้ถ้าหากมีโครงการที่ต้องทำ EIAนั้นถือว่าเป็นโครงการที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงด้วย

ส่วนทีเหลือจะเป็นการปรับเงื่อนไขในรายละเอียด เช่นขนาดโรงงาน โรงไฟฟ้าที่กำหนดว่าใช้เชื้อเพลิงประเภทใด

นอกจากนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติที่ได้มีการพิจารณาแผนเกี่ยวกับการป้องกันสาธารณภัยเกี่ยวกับสารเคมี โดยเฉพาะในพื้นที่มาบตาพุด จ.ระยองได้เกิดอุบัติเหตุ 2-3 ปีที่ผ่านมา และการเตือนภัย การฝึกซ้อม รวมถึงการให้ข้อมูล การบริหารสถานการณ์จริง รวมบรวมข้อสังเกตจากชุมชนในพื้นที่ เพื่อให้คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไปปรับปรุงและเสนอครม.ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ