ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุด 0.5% เป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ แม้จะเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ธนาคารขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังได้ตัดสินใจที่จะไม่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมภายใต้โครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์หลายรายเชื่อว่า แบงก์ชาติอังกฤษจะเริ่มกลับมาซื้อสินทรัพย์อีกครั้งในไม่ช้านี้ เพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบธนาคารและกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ระดับ 3.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ 2% ขณะที่เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัว 1.2% ในไตรมาสสอง
ถึงแม้ว่าเงินเฟ้อในปัจจุบันจะสูงเกินกำหนด แต่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจไตรมาสสามอาจชะลอตัว จึงส่งผลให้ธนาคารยังไม่กล้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย
โดย CPI เป็นดัชนีหลักที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อและเป็นดัชนีหลักที่ธนาคารกลางอังกฤษใช้ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย
บีบีซีรายงานว่า รายงานการประชุมในเดือนที่แล้วเผยให้เห็นว่า นายแอนดรูว์ เซนแทนซ์ หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Monetary Policy Committee: MPC) ได้ออกเสียงสนับสนุนให้มีการขึ้นดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแล้ว หลังจากที่แบงก์ชาติอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552
ผลการประชุมเรื่องอัตราดอกเบี้ยมีขึ้นหลังจากที่วานนี้ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะตรึงดอกเบี้ยที่ 0.5% ไปจนถึงกลางปีหน้าเป็นอย่างน้อย