สำนักงานบริการทางการเงินของญี่ปุ่น (FSA) แสดงความเชื่อมั่นว่า ธนาคารพาณิชย์ของญี่ปุ่นจะสามารถทำตามข้อกำหนดของคณะกรรมการบาเซิลที่ระบุให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการดำรงเงินกองทุนขั้นที่ 1 ตามเกณฑ์บาเซิล 3 (Basel III) ในการประชุมที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานนี้
FSA กล่าวว่า ข้อกำหนดใหม่ตามเกณฑ์บาเซิล 3 จะช่วยสร้างสมดุลของระดับเงินทุน ซึ่ง FSA เชื่อมั่นว่าธนาคารญี่ปุ่นจะสามารถบรรลุกฎเกณฑ์ดังกล่าวได้ด้วยความพยายามในการบริหารจัดการที่ดี
ที่ประชุมคณะกรรมการบาเซิลด้านการกำกับดูแลภาคการธนาคาร ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีมติให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการดำรงเงินกองทุนคุณภาพสูงสุด หรือที่เรียกว่ากองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1 capital) ตามเกณฑ์บาเซิล 3 เป็น 7% ของสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่กำหนดไว้เพียง 2% โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการณ์การเงินในอนาคต หลังจากระบบการเงินทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส อดีตวาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐ
คณะกรรมการบาเซิลเชื่อมั่นว่า เกณฑ์บาเซิล 3 จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับธนาคารพาณิชย์ และสร้างความมั่นใจว่าธนาคารจะมีเงินทุนเพียงพอในการต้านทานภาวะวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่ต้องนำเงินภาษีราษฎรมาใช้ในการแก้ไขปัญหาด้านการเงินขององค์กร
กองทุนขั้นที่ 1 ประกอบไปด้วยกำไรจากหุ้นหรือกำไรสะสมที่มีมูลอย่างน้อย 4.5% ของทรัพย์สินโดยรวม ซึ่งนอกเหนือจากการดำรงกองทุนขั้นที่ 1 ให้ได้ 7% ของสินทรัพย์เสี่ยงแล้ว คณะกรรมการบาเซิลยังกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มเงินทุนกันชน (capital buffer) เป็น 2.5% ของสินทรัพย์ เพื่อให้ธนาคารสามารถต้านทานภาวะวิกฤตในอนาคตได้ ซึ่งหากธนาคารพาณิชย์รายใดไม่สามารถเพิ่มเงินในกองทุนกันชนได้ตามกำหนด ก็จะต้องระงับการจ่ายเงินปันผล
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการผ่อนปรนภาระของธนาคาร ทางคณะกรรมการบาเซิลได้ขยายระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในบางกรณีออกไปเป็นเดือนม.ค.2562 สำนักข่าวเกียวโดรายงาน