สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปิดบวกเพียงเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนตลอดทั้งวัน เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนและข่าวคณะกรรมการบาเซิลมีมติให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการดำรงเงินกองทุน ได้กระตุ้นให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ ปิดที่ 1,247.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,242.30 - 1,251.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 30.60 เซนต์ ปิดที่ 20.151 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 7.25 เซนต์ ปิดที่ 3.479 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 7.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,549.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 9.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 529.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การอ่อนตัวลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับยูโรเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนสัญญาทองคำให้ปิดบวกเมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายผันผวนตลอดทั้งวัน เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองสัญญาทองคำหลังจากมีรายงานว่าคณะกรรมการบาเซิลมีมติให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการดำรงเงินกองทุนคุณภาพสูงสุด หรือกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1 capital) ตามเกณฑ์บาเซิล 3 (Basel III) เป็น 7% ของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่กำหนดไว้เพียง 2% โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการณ์การเงินในอนาคต และเพื่อสร้างความมั่นใจว่าธนาคารจะมีเงินทุนเพียงพอในการต้านทานภาวะวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่ต้องนำเงินภาษีราษฎรมาใช้ในการแก้ไขปัญหาด้านการเงินขององค์กรเหมือนกับที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ที่ขยายตัว 13.9% จากเดือนก.ค.ที่ขยายตัว 13.4% และยอดค้าปลีกเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 18.4% ต่อปี สู่ระดับ 1.26 ล้านล้านหยวน (1.854 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)