สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐ (NBER) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สิ้นสุดลงแล้วในเดือนมิ.ย.2552 อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐยังไม่กลับสู่ภาวะปกติในขณะนี้
NBER ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยของรัฐบาลสหรัฐที่ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซตส์ ออกแถลงการยืนยันว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนธ.ค.2550 ได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อเดือนมิ.ย.2552 ซึ่งถือเป็นการถดถอยที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ถึงกระนั้นก็ตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่กลับสู่ภาวะปกติในขณะนี้ เนื่องจากสหรัฐยังเผชิญกับอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงมาก และภาวะในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงซบเซา
นอกจากนี้ NBER กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่หากตลาดแรงงานยังไม่มีความคืบหน้า โดยระบุว่า ในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยเมื่อปี 2550-2552 นั้น จำนวนคนว่างงานในสหรัฐมีอยู่มากถึง 7.3 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้ หากมูลค่าการค้าและการบริการ รวมทั้งรายได้ และกิจกรรมกด้านการผลิต หดตัวลง ก็อาจจะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่ได้
ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ลดลง 54,000 อัตรา ส่วนอัตราว่างงานเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.6% จากระดับ 9.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ภายหลังการออกแถลงการณ์ของ NBER ว่า "เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ซึ่งแม้ว่า NBER ประกาศว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยสิ้นสุดลงตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว แต่ประชาชนหลายล้านคนยังคงตกงาน และมูลค่าที่อยู่อาศัยยังคงตกต่ำ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลไม่สามารถนิ่งนอนใจ และต้องเร่งใช้มาตรการกระตุ้นการจ้างงาน" สำนักข่าวซินหัวรายงาน