นายสัญญา สถิรบุตร ที่ปรึกษา รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือเรื่อง "นโยบายสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่กับการเจรจาความตกลงการค้าเสรี" ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องว่า กลุ่มผู้นำเข้าและส่งออกเห็นด้วยที่จะเจรจาเปิดเสรีการค้า(FTA) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) เพราะหากถอนสินค้านี้ออกจากการเจรจา อียูอาจเรียกร้องให้ไทยลดภาษีสินค้าตัวอื่นหรืออาจไม่ยอมเจรจาเปิดตลาดสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย
นอกจากนี้ อียูยังอาจย้ายฐานการผลิต โดยเข้าไปลงทุนผลิตสินค้าเหล่านี้ในประเทศอาเซียนอื่น ทำให้ไทยเสียโอกาสดึงดูดการลงทุน ขณะเดียวกันอียูยังส่งออกสินค้ากลุ่มนี้มายังไทยผ่านประเทศที่ไปลงทุนได้
"ผู้ผลิตเหล้ารายใหญ่ของไทยไม่ค่อยแสดงความเห็น ยังคงสงวนท่าที แต่ก็ให้ความเห็นว่า ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเมื่อลดภาษีสินค้ากลุ่มนี้กับอียูแล้วจะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น" นายสัญญา กล่าว
ที่ปรึกษา รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว, โรงแรม, ร้านอาหาร เห็นว่าไทยควรจะเจรจาลดภาษีในสินค้ากลุ่มนี้ให้เหลือ 0% เพราะจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น และที่ผ่านมาหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมสินค้าเหล่านี้ก็มุ่งควบคุมสินค้าโดยไม่สนใจผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว
ส่วนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย เช่น กระทรวงสาธารณสุข และโรงงานยาสูบ กังวลว่าการลดภาษีจะทำให้เหล้าและบุหรี่มีราคาถูกลง และมีส่วนทำให้มีการบริโภคเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวม และทำให้ต้องใช้งบประมาณรัฐมารักษาผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์จะนำผลที่ได้จากการหารือในครั้งนี้ไปประมวลผล และจะจัดประชุมหารืออีก 2 ครั้ง ในวันที่ 29 ก.ย. และวันที่ 12 ต.ค. โดยเมื่อได้รับทราบความเห็นครบถ้วนแล้วจะสรุปผลก่อนที่จะกำหนดท่าทีในการเจรจากับอียูต่อไป