จอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังของอังกฤษกล่าวปกป้องนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลผสม ระบุนโยบายประสบความสำเร็จแม้เพิ่งใช้เพียง 5 เดือนนับตั้งแต่ที่รัฐบาลใหม่เข้ารับตำแหน่ง
"มาตรการที่เรานำมาใช้จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวอย่างยั่งยืน และนั่นก็ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่" ออสบอร์นให้สัมภาษณ์กับนสพ.เดลี่ เทเลกราฟ
นอกจากนี้ ออสบอร์นได้กล่าวโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการขึ้นภาษีว่า การที่เขาตัดสินใจขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) นั้น เป็นเพราะต้องการทำให้ดุลบัญชีของรัฐบาลกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลต้องรับช่วงทำหน้าที่ต่อในขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจย่ำแย่ที่สุด
ทั้งนี้ พรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งนำโดยนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ได้จับมือกับพรรคเสรีประชาธิปไตย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมเมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่ไม่มีผู้สมัครคนใดได้คะแนนเสียงข้างมากในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 พ.ค. และทำให้เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีที่พรรคแรงงานไม่ได้เป็นรัฐบาล โดยทันทีที่เข้าทำหน้าที่ รัฐบาลผสมชุดใหม่ก็ได้ประกาศภารกิจหลักในการหั่นหนี้สาธารณะที่สูงถึง 1.53 แสนล้านปอนด์ (2.40 แสนล้านดอลลาร์) ในปีงบ 2553-54
โดยออสบอร์นตั้งเป้าลดยอดขาดดุลงบประมาณลงถึง 1.11 แสนล้านปอนด์ (1.66 แสนล้านดอลลาร์) ในระยะเวลา 4 ปี ด้วยการลดรายจ่ายและขึ้นภาษี โดยหน่วยงานรัฐบาลเกือบทั้งหมดถูกสั่งให้ลดรายจ่ายสูงสุดถึง 40%
รมว.คลังอังกฤษย้ำว่า อังกฤษ ซึ่งเพิ่งหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาในไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 หลังจากที่หดตัวติดต่อกันมา 4 ไตรมาส ต้องหาทางกลับมาขยายตัวอย่างยั่งยืนอีกครั้ง ด้วยมาตรการที่รัฐบาลนำมาใช้ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่