โคเวสโตรขยายธุรกิจไอโซไซยาเนตด้วยการเข้าซื้อฐานการผลิตของเวนคอเรกซ์ 2 แห่งในไทยและสหรัฐ

ข่าวทั่วไป Thursday August 14, 2025 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โคเวสโตรขยายธุรกิจไอโซไซยาเนตด้วยการเข้าซื้อฐานการผลิตของเวนคอเรกซ์ 2 แห่งในไทยและสหรัฐ

โคเวสโตร ผู้ผลิตนวัตกรรมวัสดุจากเยอรมนีลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นกับบริษัท Vencorex Holding SAS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เพื่อเข้าซื้อกิจการของบริษัท 2 แห่งที่มีโรงงานผลิตสารอนุพันธ์ เฮกซะเมทิลีน ไดไอโซไซยาเนท(Hexamethylene Diisocyanate) หรือ HDI ในจังหวัดระยอง และที่ฟรีพอร์ท สหรัฐอเมริกา โดยทั้งสองบริษัทและโรงงานดังกล่าวเคยเป็นส่วนหนึ่งของเวนคอเร็กซ์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตสารอะลิฟาติกสัญชาติฝรั่งเศส จากการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ โคเวสโตรได้ขยายกลยุทธ์ทางธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอการผลิตสารอะลิฟาติกในสหรัฐอเมริกา และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถขับเคลื่อนกลยุทธ์ "อนาคตที่ยั่งยืน" หรือ "Sustainable Future" ขององค์กรไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเติบโตในธุรกิจที่ทำกำไรและส่งเสริมนวัตกรรม อย่างเช่นธุรกิจสารเคลือบและสารยึดเกาะนี้

"การเข้าซื้อกิจการเพื่อให้ได้ฐานการผลิตทั้งสองแห่งจากเวนคอเรกซ์นี้สอดคล้องอย่างลงตัวกับพอร์ตโฟลิโอและเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของเรา" คริสเตียน ไบเออร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของโคเวสโตร กล่าว "ในขณะที่เรายังคงควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดเพื่อรักษาผลการดำเนินงานในระยะสั้น เรายังเสริมความแข็งแกร่งให้กับความสามารถในการแข่งขันระยะยาวด้วยการลงทุนที่เจาะเป้าหมายอย่างเช่น โครงการนี้"

โคเวสโตร เป็นผู้จัดจำหน่ายสารอนุพันธ์ HDI ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งสารนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในหลายผลิตภัณฑ์ เช่น สารเคลือบโพลียูรีเทน กาว และวัสดุอุดรอยต่อ จึงถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ การเคลือบพื้นผิวและกาวสำหรับรถยนต์ รถบรรทุก สะพาน เรือ เฟอร์นิเจอร์ไม้ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ยังช่วยเสริมความสามารถในการผลิตของโคเวสโตรที่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกา เยอรมนี จีน อินเดีย และอื่นๆ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วย

"กำลังการผลิตใหม่ในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา จะเข้ามาเสริมความสามารถด้านการผลิตที่มีอยู่ของเราซึ่งครอบคลุมทุกภูมิภาคสำคัญทั่วโลก และจะช่วยให้เราสามารถผลิตและส่งมอบสินค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดเผชิญความท้าทายเช่นนี้" โทมัส โรเมอร์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจสารเคลือบและสารยึดเกาะ กล่าว

"หลังจากที่เราเข้าซื้อกิจการ Resins & Functional Materials (RFM) จาก DSM และมีการลงทุนเพื่อการเติบโตจากภายในอย่างต่อเนื่อง ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชัดเจน ที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบริษัทที่มีต่อกลุ่มธุรกิจสารเคลือบและสารยึดเกาะ ผมตั้งตารอที่จะได้ต้อนรับเพื่อนร่วมงานใหม่เข้าสู่ทีมของเรา"

ทั้งนี้ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่เปิดเผยมูลค่าการซื้อขายในครั้งนี้ และคาดว่าธุรกรรมนี้จะเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ภายในสิ้นปี 2568


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ