
บริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลก รายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge (BWSC) ได้สนับสนุนยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN พร้อมกับการใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนมากกว่า 65% นับเป็นครั้งแรกที่บริดจสโตนนำคาร์บอนแบล็ครีไซเคิลและเหล็กรีไซเคิลมาใช้ ซึ่งพัฒนาและผลิตจากความร่วมมือกับพันธมิตร
นอกจากการช่วยลดจำนวนการใช้ยางรถยนต์ในระหว่างการแข่งขันแล้ว บริดจสโตนยังได้จัดการขนส่งแบบคาร์บอนต่ำ และส่งเสริมการรีไซเคิลหลังการใช้งาน นับเป็นการยกระดับความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่าของยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน โดยทีมผู้เข้าแข่งขันที่ใช้ยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN สามารถคว้าชัยชนะได้ทั้งในประเภท Challenger Class และ Cruiser Class

บริดจสโตนได้ใช้แผนดำเนินงานด้านความยั่งยืนในการแข่งขันรายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge ดังนี้
1.วัตถุดิบและการจัดซื้อ: เพิ่มสัดส่วนของวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนมากกว่า 65% ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร
1. คาร์บอนแบล็ครีไซเคิล ผ่านความร่วมมือกับ ENEOS Corporation บริดจสโตนได้พัฒนาเทคโนโลยีไพโรไลซิสเพื่อฟื้นฟูการใช้วัสดุอย่างคาร์บอนแบล็คจากยางรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน และเป็นครั้งแรกที่คาร์บอนแบล็ค จาก Bridgestone Innovation Park (เมืองโคไดระ กรุงโตเกียว) ซึ่งถูกนำมาใช้สำหรับยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge

2. เหล็กรีไซเคิล บริดจสโตนได้นำยางรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งานซึ่งรวบรวมจาก Bridgestone Tire Recycle Center Osaka Corporation มาผลิตเป็นเหล็กรีไซเคิลด้วยการใช้เตาไฟฟ้าที่ Sanyo Special Steel Co., Ltd. จากนั้นเหล็กดังกล่าวถูกรีดและผ่านกระบวนการอบความร้อนโดย Nippon Steel Corporation เพื่อนำไปผลิตเป็นขอบลวด (วัสดุเสริมความแข็งแรงของยางรถยนต์) ซึ่งถูกนำมาใช้สำหรับยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge เป็นครั้งแรก
2.การพัฒนา: ส่งมอบยางรถยนต์สมรรถนะสูงด้วยเทคโนโลยี ENLITEN
ด้วยการนำ ENLITEN ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักของบริดจสโตนในการออกแบบผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์มาใช้บริษัทจึงสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังตอบโจทย์สมรรถนะของรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นแรงต้านทานการหมุนต่ำ น้ำหนักเบา และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะให้รถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้สภาพการแข่งขันสุดท้าทาย และช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยในระยะทางที่ไกลกว่า 3,000 กม.
นอกจากนี้ บริดจสโตนยังได้ผสานการใช้ Twaron Next® *6 วัสดุอะรามิดชนิดใหม่ที่มีส่วนประกอบเป็นวัสดุหมุนเวียน พัฒนาโดย Teijin Aramid เพื่อยกระดับประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์และส่งเสริมความยั่งยืน
3.การผลิตและการขนส่ง: บรรลุเป้าหมายการจัดการขนส่งคาร์บอนต่ำ
บริดจสโตนได้ใช้โซลูชั่น GoGreen Plus ของ DHL สำหรับการขนส่งยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน รายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge โดยการใช้เชื้อเพลิงทางทะเลที่ยั่งยืน ทำให้บริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงสุดถึง 85% ตลอดทั้งวัฏจักรของเชื้อเพลิง นับตั้งแต่การผลิต การขนส่ง การจัดเก็บ ไปจนถึงการใช้งานบนเรือ (Well-to-Wake) ซึ่งช่วยให้ลดคาร์บอนในการขนส่ง
4.การใช้งาน: ส่งเสริมการลดจำนวนยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ 2025 Bridgestone World Solar Challenge
ด้วยความทนทานต่อการสึกหรอที่ดียิ่งขึ้นของยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN ทำให้สามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้ดี และยังช่วยลดจำนวนยางรถยนต์ที่จัดสรรให้แต่ละทีมผู้เข้าแข่งขันลงจาก 24 เส้น เหลือ 16 เส้น
5.การรีไซเคิล: ส่งเสริมการรีไซเคิลยางรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน
ผ่านความร่วมมือกับ RubberGem บริษัทจากออสเตรเลีย โดยยางรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งานจะถูกรีไซเคิลเป็นยางปูพื้นคุณภาพสูงสำหรับฟาร์มทั่วโลก
Hiroshi Imai รองประธานและผู้บริหารอาวุโส ซึ่งรับผิดชอบด้านมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก บริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริดจสโตนขอขอบคุณผู้เข้าแข่งขันทุกทีม รวมถึงทีมงาน ครอบครัว คณะผู้จัดงาน และอาสาสมัครทุกท่านที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จของการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ที่ผ่านมา การได้เห็นทุกฝ่ายผสานพลังและความมุ่งมั่นร่วมกันให้กับการแข่งขันสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ถือเป็นแรงบันดาลใจที่ทรงคุณค่า เราภาคภูมิใจที่ยางรถยนต์ของเราที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN ไม่เพียงแต่สนับสนุน ทีมผู้ชนะเท่านั้น แต่ยังช่วยสนับสนุนผู้เข้าแข่งขันอีกหลายทีมตลอดการแข่งขัน ในฐานะผู้จัดหายางรถยนต์และผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขัน บริดจสโตนยังคงยึดมั่นส่งเสริมการสร้างสังคมการเดินทางสู่ความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาวิศวกรและผู้นำรุ่นใหม่ผ่านเวทีการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge เรายังคงก้าวข้ามขีดจำกัดร่วมกับผู้เข้าแข่งขันทุกทีม และมุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจาก ห้องทดลองเคลื่อนที่ นี้ ไปประยุกต์ใช้กับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกที่ยั่งยืนในอนาคต
ส่วน Elias Wawoe ผู้ชนะประเภท Challenger Class จากทีม Brunel Solar (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์) กล่าวว่า ครั้งสุดท้ายที่เราชนะการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge คือเมื่อแปดปีก่อน และตั้งแต่นั้นมาเราก็ทุ่มเทเพื่อกลับมาคว้าแชมป์โลกอีกครั้ง ยางรถยนต์ของบริดจสโตนมอบสมรรถนะ ได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะความทนทานซึ่งสนับสนุนการเดินทางสู่ชัยชนะของเรา นับเป็นตัวอย่างของยางรถยนต์ที่ดีเยี่ยมสู่การรุดหน้าสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยางรถยนต์ผ่านการแข่งขันในครั้งนี้ และทีมของเราก็แสดงให้เห็นถึงการผสานระหว่างนวัตกรรมและการมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน"