World IT: จับตา "ทิม คุก" นำพาแอปเปิลฉลุย แม้ไร้เงา "สตีฟ จ๊อบส์"

ข่าวต่างประเทศ Thursday January 15, 2009 15:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์และบุคคลในแวดวงไอทีแสดงความเชื่อมั่นว่า ทิม คุก จะสามารถบริหาร แอปเปิล ให้ประสบความสำเร็จได้แม้ขาด สตีฟ จ๊อบส์ ซีอีโอคนดังและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ซึ่งกำลังมีปัญหาด้านสุขภาพจนต้องยื่นใบลาป่วยจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.นี้

คุก วัย 48 ปี ได้รับมอบหมายให้รับช่วงบริหารแอปเปิลในระหว่างที่จ๊อบส์วางมือจากงานในบริษัทนานอย่างน้อย 5 เดือนเพื่อไปจัดการเรื่องปัญหาสุขภาพของตนเอง

อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายเชื่อว่าการที่แอปเปิลไร้เงาจ๊อบส์ไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุกนั่งเก้าอี้หัวเรือใหญ่ของแอปเปิล โดยเมื่อปี 2547 คุกเคยทำหน้าที่แทนจ๊อบส์มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อจ๊อบส์ต้องใช้เวลา 2 เดือนเพื่อพักฟื้นจากการผ่าตัดมะเร็งตับอ่อน

ไมเคิล การ์เทนเบิร์ก นักวิเคราะห์จาก จูปิเตอร์ มีเดีย คอร์ป กล่าวว่า "ประสบการณ์ดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนบรรเทาความวิตกกังวลและมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ครั้งที่แล้วเขาสามารถบริหารแอปเปิลได้อย่างราบรื่น ผมเชื่อมั่นว่าครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน"

ทั้งนี้ แม้จ๊อบส์จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับแอปเปิลและเป็นผู้ที่อยู่หน้าฉากท่ามกลางสปอทไลท์ ในฐานะผู้ผลักดันผลิตภัณฑ์อย่าง iPod และ iPhone ให้ฮิตติดลมบน แต่เป็นที่รู้กันว่า จริงๆแล้ว คุกเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแอปเปิลคนหนึ่งเช่นกัน โดยนักวิเคราะห์ให้เครดิตคุกว่าเป็นผู้สร้างผลงานชิ้นเอกในการคำนวณดีมานด์-ซัพพลายสินค้าของบริษัทออกมาได้อย่างเหมาะสม พร้อมยกย่องให้การจัดการสต๊อกสินค้าที่ยอดเยี่ยมของเขาเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญยิ่งต่อความเจริญรุดหน้าของแอปเปิล โดยมีข้อพิสูจน์เป็นยอดเงินสดและการลงทุนระยะสั้นมูลค่าถึง 2.45 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นสินทรัพย์ก้อนใหญ่ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ขณะที่ พนักงานและเพื่อนร่วมงานของคุกที่แอปเปิลคอนเฟิร์มว่า คุกเป็นผู้บริหารที่มีไฟในการทำงานสูง โดยภาพที่คุ้นตาคือภาพของผู้บริหารที่มักจะอยู่ทำงานที่ออฟฟิศจนดึกดื่นและใช้เวลาประชุมแบบมาราธอน

"ทิมเป็นผู้บริหารที่วิเศษมาก ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะราบรื่นแม้สตีฟจะไม่อยู่ก็ตาม" ไมค์ เจนส์ ผู้ที่ร่วมงานกับคุกมาตลอด 5 ปี กล่าว "โดยปกติสตีฟจะคอยนำเสนอสินค้าใหม่ๆ อยู่เบื้องหน้า แต่ทิมเป็นคนที่จะทำให้สินค้าเหล่านั้นทำเงินเป็นกอบเป็นกำได้" บลูมเบิร์กรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ