ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่ารัฐบาลในหลายประเทศจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศใช้มาตรการดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาโลหะพื้นฐานและราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้น
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 45.63 จุด หรือ 0.81% แตะที่ 5,681.39 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,635.76-5,695.51 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนหลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0-0.1% พร้อมกับจัดตั้งกองทุนวงเงิน 35 ล้านล้านเยน (4.19 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาล ตราสารเชิงพาณิชย์ และหลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน รวมทั้งรับหลักทรัพย์เหล่านี้ไว้เป็นหลักประกัน
การดำเนินการดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดว่าจะทำให้ธนาคารกลางอีกหลายประเทศมาตรการแบบเดียวกัน และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ในการประชุมต้นเดือนหน้านี้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นขานรับราคาทองคำที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ และราคาทองแดงพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2551 โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นลอนมินปิดบวก 3.9% หุ้นคาซัคมิสปิดบวก 4.1% และหุ้นเอ็กซ์สตราตาปิดพุ่ง 4.2%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกซึ่งได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดพุ่ง 1.7%
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประเดือนก.ย.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด หลังจาก ADP Employer Services รายงานว่าภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐลดการจ้างงานลง 39,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ที่เพิ่มการจ้างงาน 10,000 ตำแหน่ง และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าภาคเอกชนจะเพิ่มการจ้างงาน 24,000 ตำแหน่ง