ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดภาคเช้าขยับขึ้นในวันนี้ (7 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน แม้สกุลเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐก็ตาม
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดภาคเช้าบวก 11.33 จุด หรือ 0.12% แตะที่ 9,702.76 จุด
หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด ตามมาด้วยหุ้นกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคและกลุ่มเดินเรือ ส่วนหุ้นกลุ่มสายการบิน กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง และกลุ่มเบ็ดเตล็ด ร่วงลงในช่วงเช้าวันนี้
ตลาดหุ้นโตเกียวได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร หลังจากดัชนีนิกเกอิทะยานขึ้นกว่า 3% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ในขณะที่เงินเยนยังคงแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการที่บีโอเจตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ช่วง 0-0.1% พร้อมกับอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจด้วยการจัดตั้งกองทุนซื้อพันธบัตร
ฮิโรอิชิ นิชิ นักวิเคราะห์จากบริษัทนิกโก คอร์เดียล ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า หุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นหุ้นที่ต้องพึ่งพาดีมานด์ภายในประเทศนั้น ได้ประโยชน์อย่างมากจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของบีโอเจ
"นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางในอีกหลายประเทศจะใช้มาตรการผ่อนคลายด้านการเงิน ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเวียนในระบบการเงินโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้จะไหลเข้สู่ตลาดหุ้นด้วย"อย่างไรก็ตาม เงินเยนยังแข็งค่าขึ้นแม้บีโอเจใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน โดยหุ้นบริษัทส่งออกได้รับผลกระทบหนักสุด เพราะเงินเยนที่แข็งค่าจะส่งผลให้กำไรในตลาดต่างประเทศของบริษัทญี่ปุ่นหดตัวลงด้วย
ส่วนตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนเมื่อคืนนี้ หลังจาก ADP Employer Services รายงานว่าภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 39,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าภาคเอกชนจะเพิ่มการจ้างงาน 24,000 ตำแหน่ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ