KASET ตอกย้ำเป้ารายได้ปี 53 ที่ 2.1 พันลบ.ปี 54 โตต่อ บาทแข็งไม่กระทบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 15, 2010 10:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬ์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยฮา(KASET)เปิดเผยว่า เงินบาทที่แข็งค่าไม่มีผลกระทบต่อรายได้ ทำให้บริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 53 ไว้ที่ 2.1 พันล้านบาท เติบโตจากปี 52 ที่มีรายได้ 1,830 ล้านบาท แต่เป้าหมายสำคัญ คือ การเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margins)เป็น 16-17% จาก 13% ในปัจจุบัน

ส่วนปี 54 ยังคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในทุกๆด้าน

"ตอนนี้กำลังสรุปไตรมาส 3 กันอยู่ แล้วก็คงจะมาประเมินปีหน้า แต่ยังคาดว่าไตรมาส 3 ไตรมาส 4 ยังโอเคนะ ปีหน้าก็น่าจะโตต่อเนื่อง"นายสมฤกษ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์

นายสมฤกษ์ กล่าวว่า บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้วและครอบคลุมจนถึงไตรมาส 4/53 ตั้งแต่เห็นว่าเงินบาทจะแข็งค่า ก็ได้มีการดูแลจัดการ บริหารความเสี่ยงให้เข้มข้นมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของไลน์การผลิต

"เงินบาทแข็งค่าส่งผลกระทบต่อบริษัทเล็กน้อย เนื่องจากมีการทำประกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้แล้วและอยู่ใน Rate ที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดแน่นอน...จริงๆ บาทแข็งไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมา Action ตอนนี้ เห็นมา 2-3 ไตรมาสแล้ว เราก็เริ่มวางแผนปรับตัว แต่ไม่ใช่เก็งกำไร บริหารความเสี่ยงให้เข้มข้นมากขึ้น เรื่องไลน์ผลิตเราก็ทำมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ค่อยๆปรับให้ดีขึ้นตามลำดับ"นายสมฤกษ์ กล่าว

นายสมฤกษ์ กล่าวกึงการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทว่า การที่กลุ่มตั้งพิรุฬห์ธรรม 3 รายขายหุ้น KASET ออกมาจำนวน 1.5 ล้านหุ้นนั้น เป็นการขายให้กับบริษัท เชียร์(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท Holding เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและรักษาสัดส่วนการถือหุ้นก่อนที่จะมีการเพิ่มทุนให้พันธมิตรในอนาคต ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป

อนึ่ง ข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.53 ผู้ถือหุ้นในตระกูล"ตั้งพิรุฬห์ธรรม"3 รายขายหุ้นออกมารวม 1.5 ล้านหุ้น คนละ 500,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 6.50 บาท ประกอบด้วย ปรินดา ตั้งพิรุฬห์ธรรม, วรวุฒิ ตั้งพิรุฬห์ธรรม และ สมฤกษ์ ตั้งพิรุฬหธรรม

สำหรับพันธมิตรที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP)จำนวน 27 ล้านหุ้นนั้น จะต้องมีทั้งเงินทุน เทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญด้านการตลาด เนื่องจากเรามีแผนจะขยายตลาดไปในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มเติม

"เราพยายามเปิดตลาดใหม่ๆ และตลาดอาเซียน เช่น อาเซียน เช่น กัมพูชา พม่า ลาว และเวียดนาม พยายามออกสินค้าใหม่ๆ ที่ให้มาร์จิ้นสูง ตอนนี้เรา On หมดทุกเรื่อง"นายสมฤกษ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ