ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และพลังงาน หลังจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้หนุนราคาน้ำมันดิบและโลหะในตลาดโลกทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 31.87 จุด หรือ 0.56% แตะที่ 5,677.89 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,645.96-5,711.82 จุด
การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบและโลหะในตลาดโลกพุ่งขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ โดยหุ้นเชลล์ปิดบวก 0.5 % หุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดบวก 0.8% ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตันในกลุ่มเหมืองแร่ปิดพุ่ง 2.7%
นอกจากนี้ หุ้นเชลล์ยังได้แรงหนุนหลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 3 ปีนี้ อยู่ที่ 3.46 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.5% จากระดับ 3.25 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ปีที่แล้ว เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
หุ้นโวดาโฟนพุ่งขึ้น 2.7% เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทฟรานซ์ เทเลคอม
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์อ่อนตัวลง โดยหุ้นแอสตราเซเนกาปิดร่วง 3.3% และหุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ปิดลบ 0.9%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยลบจากรายงานของเนชั่นไวด์ บิลดิ้ง โซไซตี้ ที่ระบุว่า ราคาบ้านในอังกฤษเดือนต.ค. อ่อนตัวลง 0.7% จากเดือนก.ย. มาอยู่ที่ 164,381 ปอนด์ หรือ 259,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
ทั้งนี้ หากราคายังปรับตัวลงต่อเนื่องไปจนถึงเดือนพ.ย.และธ.ค. จะทำให้อัตราเงินเฟ้อราคาบ้านต่อปีอ่อนตัวลงมาอยู่ในช่วง 0% - ติดลบ 1% ภายในสิ้นปีนี้ เมื่อเทียบกับสถิติเมื่อช่วงสิ้นปีที่แล้วที่เพิ่มขึ้น 5.9%
นักลงทุนจับตาดูการประเมินตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 เบื้องต้น ซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวในอัตรา 2% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ขยายตัวเพียง 1.7%