ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ในวันนี้ (1 พ.ย.) หลังจากเงินเยนทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ขณะที่นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในสัปดาห์นี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดปรับตัวลง 47.73 จุด หรือ 0.52% แตะที่ 9,154.72 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.
ราคาหุ้นร่วงลงเกือบทุกกลุ่ม โดยหุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงหนักสุด ตามด้วยหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์และอุปกรณ์การขนส่ง ส่วนหุ้นกลุ่มประกัน กลุ่มคลังสินค้า กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันและถ่านหิน ดีดตัวขึ้นในวันนี้
การแข็งค่าของเงินเยนได้ส่งผลบดบังปัจจัยบวกต่างๆ รวมถึงการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีน โดยสมาพันธ์โลจิสติกและการจัดซื้อแห่งชาติของจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนต.ค.อยู่ที่ระดับ 54.7 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เพิ่มขึ้น 0.9% จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 53.8 จุด บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงขยายตัวได้ดี
ฟูมิยูกิ นากานิชิ นักวิเคราะห์จากเอสเอ็มบีซี เฟรนด์ ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่เฟดจะประชุมนโยบายในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ในตลาดการเงินคาดว่าคณะกรรมการเฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE
หุ้นกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะหุ้นบริษัทผลิตรถยนต์ดิ่งลง รวามถึงหุ้นโตโยต้า มอเตอร์ ที่ร่วงลงหนักสุดในรอบปี หลังจากสมาคมผู้ค้ายานยนต์ของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในญี่ปุ่นเดือนต.ค. ซึ่งรวมถึงรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถบรรทุก และรถบัส ร่วงลง 26.7% จากปีที่แล้ว มาอยู่ที่ระดับ 193,258 คัน ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่สมาคมเริ่มจัดเก็บข้อมูลในปี 2511 เนื่องจากโครงการอุดหนุนรถยนต์อีโคคาร์ของรัฐบาลได้หมดอายุลง