รายงานการซื้อขายตลาดอนุพันธ์(TFEX)วันนี้ มีการซื้อขายรวม 23,437 สัญญา เป็น SET50 Index Futures จำนวน 9,853 สัญญา โดยสัญญา S50Z10 มีปริมาณการซื้อขาย 8,633 สัญญา, สัญญา S50H11 มีปริมาณการซื้อขาย 1,160 สัญญา,สัญญา S50M11 มีปริมาณการซื้อขาย 50 สัญญา ส่วนสัญญา S50U11 ปริมาณซื้อขาย 10 สัญญา
ส่วน Single Stock Futures มี 5,716 สัญญา โดยสัญญา ADVANC Futures มีปริมาณการซื้อขาย 74 สัญญา, สัญญา BANPU Futures มีปริมาณการซื้อขาย 14 สัญญา,สัญญา BAY Futures มีปริมาณการซื้อขาย 7 สัญญา,สัญญา BBL Futures มีปริมาณการซื้อขาย 108 สัญญา , สัญญา ITD Futures มีปริมาณการซื้อขาย 3,385 สัญญา, สัญญา KBANK Futures มีปริมาณการซื้อขาย 3 สัญญา, สัญญา KTB Futures มีปริมาณการซื้อขาย 1,550 สัญญา,
สัญญา LH Futures มีปริมาณการซื้อขาย 135 สัญญา, สัญญา PTT Futures มีปริมาณการซื้อขาย 12 สัญญา, สัญญา PTTEP Futures มีปริมาณการซื้อขาย 103 สัญญา, สัญญา QH Futures มีปริมาณการซื้อขาย 266 สัญญา,สัญญา SCB Futures มีปริมาณการซื้อขาย 2 สัญญา และสัญญา TTA Futures มีปริมาณซื้อขาย 57 สัญญา
ขณะที่ สัญญา SCC Futures ไม่มีปริมาณการซื้อขาย
ส่วน Gold Futures มีปริมาณการซื้อขาย 7,494 สัญญา แบ่งเป็นสัญญาละ 50 บาท จำนวน 4,780 สัญญา และ สัญญาละ 10 บาท จำนวน 2,714 สัญญา
Interest Rate Futures ประเภท 5Y Gov Bond Futures ไม่มีปริมาณการซื้อขาย
สำหรับ SET50 Options มีการซื้อขายรวม 374 สัญญา แบ่งเป็นคอลออปชั่น จำนวน 170 สัญญา และพุทออปชั่น จำนวน 204 สัญญา
ดัชนีอ้างอิงวันนี้ SET50 Index อยู่ที่ 715.28 จุด บวก 8.56 จุด (+1.21%)
นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 1,293 ล้านบาท, นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 403 สัญญา และ นัดลงทุนในประเทศ ซื้อ สุทธิ 1,696 สัญญา
นายคมสันต์ ปรมาภูติ รองผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า การซื้อขาย Set50 Futrues วันนี้ กลับมารีบาวน์ จากที่ผ่านมาตลาดปรับลงมาแรง เนื่องจากกังวลว่าประเทศในภูมิภาครวมทั้งไทยว่าจะออกมาตรการสกัดเงินทุนไหล เข้า , กังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีน ส่วนที่ประชุม G20 ที่คาดว่าจะมีมาตรการเกี่ยวกับค่าเงิน ในที่สุดไม่มีข้อสรุปแต่ อย่างใด โดยได้สะท้อนไปราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง
ขณะที่มองว่ามีความเป็นไปได้ทางการไทยจะออกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้า อย่างไรก็ดี นายกรณ์ จาติกวณิช รม ว.คลัง ระบุว่าหากจะมีมาตรการ ก็คงจะออกมาตรการค่อยเป็นค่อยไป เพราะไทยทำเพียงประเทศเดียวไม่สามารถสกัดเงินทุนไหล เข้าได้ ต้องมีการร่วมมือกันทั้งภูมิภาค แต่ก็มีบางประเทศไม่เห็นด้วย เท่าที่คุยกันยังไม่มีข้อสรุป จึงเห็นว่ามาตรการสกัดกั้นเงินทุนไหล เข้าแรงๆ ยังไม่น่าเกิดขึ้นในปีนี้
"โดยรวม ตามเทคนิคเคิลโดยรวม ลงมา test เส้น 25 วัน ถือว่าจบแล้ว และจะเป็นลักษณะรีบาวน์ขึ้น แต่ก็ยังคิดว่า ค่อยๆรีบาวน์ เพราะคิดว่ายังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องของจีนยังไม่แน่ ...แนะนำให้เปิดสถานะ long"นายคมสันต์ กล่าว
ให้แนวรับที่ 703-705 จุด และ แนวค้านที่ 720 จุด
สำหรับ การลงทุนใน Gold Futures นั้น นายคมสันต์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนไปก่อนจนกว่าเรื่องของจีนในการปรับ ขึ้นดอกเบี้ยชัดเจนเสียก่อน
ด้านบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มองแนวโน้มทองคำพรุ่งนี้ เห็นว่าเป็นครั้งที่สองในรอบ 1 เดือนที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถูกกระทบจากมาตรการควบคุมสภาวะเงินเฟ้อและปัญหาฟองสบู่ในจีน โดยในวันที่ 20 ต.ค.ธนาคารกลาง จีนได้สร้างความประหลาดใจให้แก่นักลงทุนทั่วโลกด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ระยะ 1 ปี อย่างละ 0.25% สู่ ระดับ 2.5% และ 5.56% ต่อปีส่งผลให้ครั้งนั้นสินค้าโภคภัณฑ์ได้ปรับตัวลดลงกันถ้วนหน้าจากความกังวลว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจ จะหยุดชะงักลงได้หากไม่ได้รับการขับเคลื่อนจากจีน
แต่ช่วงนั้นนักลงทุนยังเฝ้ารอมติที่ประชุมของเฟดเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณอยู่ทำให้เมื่อราคาทองคำมีการ อ่อนตัวลงมาก็จะมีแรงเก็งกำไรต่อมาตรการของเฟดเข้ามาหนุนให้ราคาสามารถดีดตัวกลับขึ้นมาได้
ส่วนครั้งล่าสุดนี้ความกังวลของนักลงทุนได้ปะทุขึ้นเมื่อทางการจีนได้รายงานดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคมไม่ว่าจะ เป็น ดัชนี CPI หรือ ดัชนี PPI ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่าทางการจีนจะมีการปรับดอกเบี้ยขึ้น อีกครั้ง
ทางวายแอลจีก็มีมุมมองที่ไม่ต่างกับนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดว่าจีนน่าจะออกมาตรการเพื่อควบคุมและแก้ปัญหาดังกล่าว และเชื่อว่าการออกมาตรการในครั้งหลังนี้จะสามารถสร้างแรงกดดันต่อราคาสินค้าและบริการที่กำลังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากเงินทุนต่าง ชาติได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นและนั่นอาจจะกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงหรือกดดันให้การขยับขึ้นของราคาทองคำจะมีอย่างจำกัด