คณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เห็นชอบในการจัดตั้ง กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นการส่งเสริมแหล่งลงทุนและระดมทุนของภาคเอกชน ช่วยลดภาระการลงทุนของภาครัฐบาล
สำหรับหลักเกณฑ์กำหนดว่า ต้องเป็นลักษณะกองทุนปิด ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 2,000 ล้านบาท สามารถลงทุนโดยตรงหรือลงทุนผ่านบริษัทลูกของกองทุนที่มีการลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบขนส่งทางราง ไฟฟ้า ประปา รวมถึงพลังงานทางเลือก และมีมูลค่าการลงทุนในแต่ละกิจการไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท
ลักษณะสิทธิหรือทรัพย์สินของกองทุน สามารถอยู่ในรูปแบบต่างๆ ได้ เช่น กรรมสิทธิ สิทธิการเช่า สิทธิการจัดหา สามารถออกหน่วยลงทุนหลายชนิดที่ให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกันได้ สามารถกู้ยืมเงินได้ โดยอัตราหนี้สินต่อทุนต้องไม่เกิน 3 เท่า เสนอขายหน่วยลงทุนต่อผู้ลงทุนเป็นการทั่วไป และนำหน่วยลงทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยืฯ ได้
ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอร่างประกาศให้ประธาน ก.ล.ต.พิจารณา หลังจากนั้นจะประกาศร่างในราชกิจการนุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้ธ.ค. 53
นอกจากนี้ กองทุนรวมดังกล่าวสามารถลงทุนในโครงการที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง อยู่ระหว่างก่อสร้าง หรือก่อสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่มีรายได้เชิงพาณิชย์ (greenfield project) ได้ แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทุน และต้องเสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป แต่กรณีที่จะมีการออกหน่วยลงทุน (multi tranche) ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด แต่หากจะลงทุนใน reenfield project เกินอัตราดังกล่าว ต้องเสนอขายหน่วยลงทุนทั้งหมดต่อผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น (ผู้ลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป)
โดยหน่วยลงทุนมีข้อจำกัดการโอนหน่วยลงทุน และไม่นำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ภายใน 3 ปีหลังกิจการที่ลงทุนมีรายได้เชิงพาณิชย์ กองทุนจะกระจายหน่วยลงทุนต่อผู้ลงทุนทั่วไปและนำหน่วยลงทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายจ่ายเงินปันผล 90% ของกำไรสุทธิ
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง และกรมที่ดินเพื่อขอสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยได้เสนอให้ยกเว้นภาษีสำหรับเงินปันผลของผู้ถือหน่วยลงทุน และขอลดหย่อนภาษีการโอนที่ดิน ไม่เกิน 0.01% แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท คาดว่าน่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เนื่องจากเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์
ทั้งนี้ คาดว่าภายในไตรมาส 1/54 น่าจะเห็นกองทุนดังกล่าวเกิดได้ ซึ่งจากการเดินสายหารือของ สคร.กับรัฐวิสาหกิจเป้าหมาย มีหลายแห่งที่พร้อมจัดตั้ง เบื้องต้น คือการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และการประปา โดยโครงการแรกน่าจะเป็นการเสนอโครงการที่มีการก่อสร้างเสร็จแล้ว เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้ในการลงทุนในโครงการอื่นๆต่อไป
"กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นโครงการที่รัฐบาลสนับสนุนอยู่แล้วเพราะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน โดยที่รัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจมีงบประมาณจำกัด จึงเชื่อว่าหากอยากเห็นกองทุนเกิดขึ้น ก็น่าจะมีแรงจูงใจทางภาษี...โครงการแรกๆ น่าจะเป็นโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว ส่วนโครงการที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ยังมีความเสี่ยง ซึ่ง สคร.อยากให้ได้เม็ดเงินมาไปพัฒนาโครงการอื่นๆ"นายประเวช กล่าว