(เพิ่มเติม) ผลธัญญะ กำหนดช่วงราคา IPO 3.6-3.8 บ./หุ้น เปิดจอง 29-30 พ.ย.,1 ธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 23, 2010 13:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.พัชพร สรรคบุรานุรักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) หรือ KGI ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.ผลธัญญะ(PHOL) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า กำหนดราคาขายหุ้น IPO ของผลธัญญะ ไว้ที่ 3.6-3.8 บาท คิดค่า P/E ปีหน้า(2554)ไว้ที่ 8 เท่า กำหนดจองซื้อในวันที่ 29-30 พ.ย. และ 1 ธ.ค.นี้ พร้อมคาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI)ได้ในวันที่ 9 ธ.ค.2553

ทั้งนี้ ผลธัญญะ เตรียมที่จะเซ็นสัญญาผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น(อันเดอร์ไรต์)ในวันที่ 26 พ.ย.นี้ โดยมีบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 4 บริษัทหลักทรัพย์

นายพรศักดิ์ ชุนหจินดา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบัญชีและการเงิน PHOL กล่าวว่า ราคาที่เสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น(P/E)อดีตอยู่ที่ประมาณ 13-14 เท่า เมื่อคิดจากผลกำไร 4 ไตรมาสย้อนหลังที่เริ่มฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกในปี 52 กอปรกับมีการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจระบบบำบัดน้ำเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในปลายปี 52 ซึ่งเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/53 เป็นต้นไป

สำหรับราคาหุ้นดังกล่าวถือว่ามีส่วนลดให้กับนักลงทุนในอัตราร้อยละ 35 เมื่อเปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วง 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2553 ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 53 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 21.70 เท่า ในขณะที่ P/E ของบริษัทจะปรับลงได้อีกมากจากการเติบโตของผลประกอบการในปีหน้า

อีกทั้งผู้ลงทุนในหุ้น IPO มีโอกาสได้รับเงินปันผลในเดือนมกราคม อีก 0.15 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลประมาณร้อยละ 4 นอกจากนี้ผู้ลงทุนอาจมีโอกาสได้รับเงินปันผลเพิ่มเติมสำหรับปี 53 อีกด้วย

"ราคาดังกล่าวมีส่วนลดจากเป้าหมายของนักวิเคราะห์เฉลี่ยประมาณ 20 -25% คิดเป็น P/E ปีหน้า เพียงประมาณ 8 เท่า เท่านั้น นอกจากนั้น ยังจะได้รับเงินปันผลระหว่างกาลอีกในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท ตามที่บอร์ดบริษัทฯ ได้อนุมัติจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายของบริษัทฯ รวมทั้งผู้ซื้อหุ้น IPO ด้วย จึงถือเป็นการเอาใจผู้ถือหุ้นใหม่ที่จะเข้ามาถือหุ้น PHOL ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก"นายพรศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ PHOL รายงานผลประกอบการรวมบริษัทย่อยในงวด 9 เดือนสิ้นสุด 30 กันยายน 53 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาท เติบโตถึง 131% จากช่วงเดียวกันของปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท โดยผลกำไรที่เติบโตขึ้นมาจากรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีรายได้รวม 472 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 41% จากงวดเดียวกันของปี 52 ที่มีรายได้รวม 338 ล้านบาท ขณะอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 99 ล้านบาท ในปี 52 มาเป็น 147 ล้านบาท โดยเติบโตกว่า 48% ในปี 53 คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นกว่า 30%

การเติบโตของรายได้เป็นผลมาจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการเติบโตของลูกค้าซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของบริษัท ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และการเริ่มรับรู้รายได้ของบริษัทย่อย คือ บริษัท พีดี เจเนซิส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม ประเภทจัดการมลภาวะทางน้ำเข้ามาเสริม

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำบริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้เพียงครึ่งหลังของปี 53 โดยจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 54 ในขณะที่กำไรในงวด 9 เดือนเติบโตอย่างโดดเด่น เพราะอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับสูงขึ้นจากปีก่อน จากสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง และบริษัทยังได้รับผลดีจากการแข็งค่าของเงินบาท จึงส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนดังกล่าว

ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ธุรกิจของบริษัทฯ ยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการเติบโตของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม โดยลูกค้ากว่า 4,000 ราย ยังมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ส่วนหนึ่งยังได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เพราะบริษัทนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศประมาณ 70% ประกอบกับจะรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยเข้ามาเพิ่มขึ้น

PHOL มีแผนจะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยจะขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 40 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 29.63 ของทุนที่เรียกชำระแล้ว โดยมีนโนบายจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนไปใช้ลงทุน ในเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการผลิตน้ำเพื่อจำหน่าย จำนวน 70 ล้านบาทในปี 54 ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ

ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการของบริษัทครั้งที่ 11/2553 วันที่ 1 พฤศจิกายน 53 ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติในหลักการให้บริษัทจัดสรรกำไรจากกำไรสะสมเพื่อจ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 20.25 ล้านบาท โดยจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายของบริษัท รวมถึงผู้ลงทุนในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ