รายงานการซื้อขายตลาดอนุพันธ์(TFEX)วันนี้ มีการซื้อขายรวม 20,117 สัญญา เป็น SET50 Index Futures จำนวน 10,063 สัญญา โดยสัญญา S50Z10 มีปริมาณการซื้อขาย 8,956 สัญญา, สัญญา S50H11 มีปริมาณการซื้อขาย 1,024 สัญญา,สัญญา S50M11 มีปริมาณการซื้อขาย 42 สัญญา ส่วนสัญญา S50U11 ปริมาณซื้อขาย 41 สัญญา
ส่วน Single Stock Futures มี 5,824 สัญญา โดยสัญญา ADVANC Futures มีปริมาณการซื้อขาย 14 สัญญา, สัญญา BANPU Futures มีปริมาณการซื้อขาย 42 สัญญา,สัญญา BAY Futures มีปริมาณการซื้อขาย 12 สัญญา ,สัญญา BBL Futures มีปริมาณการซื้อขาย 2 สัญญา, สัญญา ITD Futures มีปริมาณการซื้อขาย 1,869 สัญญา, สัญญา KBANK Futures มี ปริมาณการซื้อขาย 10 สัญญา, สัญญา KTB Futures มีปริมาณการซื้อขาย 2,751 สัญญา,
สัญญา LH Futures มีปริมาณการซื้อขาย 196 สัญญา, สัญญา PTT Futures มีปริมาณการซื้อขาย 29 สัญญา, สัญญา PTTEP Futures มีปริมาณการซื้อขาย 178 สัญญา, สัญญา QH Futures มีปริมาณการซื้อขาย 447 สัญญา, สัญญา SCB Futures มีปริมาณการซื้อขาย 2 สัญญา ,สัญญา SCC Futures มีปริมาณการซื้อขาย 1 สัญญา และสัญญา TTA Futures มีปริมาณ ซื้อขาย 271 สัญญา
ส่วน Gold Futures มีปริมาณการซื้อขาย 4,010 สัญญา แบ่งเป็นสัญญาละ 50 บาท จำนวน 2,564 สัญญา และ สัญญาละ 10 บาท จำนวน 1,446 สัญญา
Interest Rate Futures ประเภท 5Y Gov Bond Futures มีปริมาณการซื้อขาย 2 สัญญา
สำหรับ SET50 Options มีการซื้อขายรวม 218 สัญญา แบ่งเป็นคอลออปชั่น จำนวน 141 สัญญา และพุทออปชั่น จำนวน 77 สัญญา
ดัชนีอ้างอิงวันนี้ SET50 Index อยู่ที่ 688.30 จุด ลบ 3.83 จุด (-0.55%)
นางสาวปิ่นแก้ว สันติเมธวุรุฬ นักวิเคราะห์กลยุทธฝ่ายตลาดอนุพันธ์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า การซื้อขาย Set50 Futures วันนี้ผันผวนสูงมากตามตลาด Set โดยยังเป็นปัจจัยเดิมๆ ที่มีผลต่อตลาด ทั้งปัญหาหนี้สินในยุโรป ที่มองว่า อาจมี ประเทศในกลุ่มยูโรโซน นอกเหนือจากไอร์แลนด์ ที่อาจต้องเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจากอียู และ ไอเอ็มเอฟ ขณะที่ปัญหา คาบสมุทรเกาหลี ยังมีความตึงเครียดต่อเนื่อง ขณะที่ยังติดตามมาตรการของจีนที่จะมีออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งเงินดอลลาร์ยังคงแข็ง ค่า และส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่า จึงเป็นการกระตุ้นแรงเทขายทำกำไรของต่างชาติ
"ยังมีปัจจัยภายในประเทศที่รอวันจันทร์ในการตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหากออกมาแง่ลบ คงส่งผลต่อเสถียรภาพ รัฐบาลและมีผลต่อตลาดหุ้นบ้านเราแน่นอน ดังนั้นยังมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไป" นางสาวปิ่นแก้ว กล่าว
การลงทุนช่วงนี้แนะให้ trading แต่หากดัชนีหลุดที่ ระดับ 680 จุด อาจลงไปที่ 660 จุดได้ ซึ่งแนะให้ trading short ตาม แต่หากไม่หลุด แนะดัชนีขึ้นให้ขาย ดัชนีลงให้ซื้อ ในกรอบ 680-695 จุด
ส่วนราคาทองคำในตลาดโลกกลับมา sideway เพราะขาดปัจจัยหนุน แต่แนวโน้มหลักยังเป็นขาขึ้น แม้ดอลลาร์กลับมา แข็งค่าก็ตาม เพราะนักลงทุนยังกังวลจากหลายปัจจัย ทำให้มองหาการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งน้ำมันและทองคำ และหากปัญหา คาบสมุทรเกาหลีปะทุขึ้นอีก จะยิ่งผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นได้
"หากทองย่อลง downside ยังจำกัดเพราะนักลงทุนหาจังหวะเข้าถือ จากทิศทางที่ยังดูดี ดังนั้นหากสัปดาห์หน้ามีปัจจัย หนุ ราคาทองโลกมีโอกาสดีดไปที่ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ ประกอบกับเงินบาทที่อ่อน จึงเป็นแรงหนุนต่อราคาทองบ้านเรา และ Gold Futures"
ทิศทางทองคำยังน่าลงทุน นักลงทุนที่มีสถานะ long ให้ถือต่อไป ส่วนที่รอเปิดสถานะใหม่ อาจยังเห็นความผันผวนใน ช่วงต้นสัปดาห์หน้า ระหว่างวันให้เข้าสะสม โดยมีแนวต้านที่ 19,720-19,790 บาท แนวรับที่ 19,510 -19,450 บาท