นางวิไลวรรณ ศรีสำรวล หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE)กล่าวว่า แนวโน้มรายได้ในช่วงไตรมาส 4/53 จะดีกว่าทุกไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ โดยมองว่าผลประกอบการจะเติบโตดีทั้งส่วนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจเคเบิลทีวี ส่วนการให้บริการโครงข่ายบรอดแบนด์มีการเติบโตตลอดทั้งปีอยู่แล้ว ประกอบกับปีนี้บริษัทยังสามาถรควบคุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
"ไตรมาส 4 ปกติรายได้จะดีกว่าไตรมาส 3 และทุกไตรมาสอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย เพราะจะมีการตัดกิจกรรมส่วงเสริมการขายต่าง ๆ ในช่วงนี้ แต่ปีนี้ถือเป็นปีที่บริษัทควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ก็น่าจะส่งผลดีต่อไตรมาสนี้"นางวิไลวรรณ กล่าวสำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 54 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 5-6% จากปี 53 โดยมองว่าธุรกิจที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ที่สำคัญคือธุรกิจออนไลน์ โดยเฉพาะการให้บริการบรอดแบนด์ ซึ่งบริษัทมีแผนจะใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มความเร็วของบริการอินเตอร์เนตบรอดแบนด์เป็น 100 เมกะบิต/วินาทีในปีหน้า เพื่อรักษาตำแหน่งอันดับ 1 ส่วนแบ่งตลาดบรอดแบนด์ในกรุงเทพและปริมณฑลที่ 64% ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดบริการบรอดแบนด์ทั่วประเทศอยู่ที่ 31% เป็นอันดับ 2 รองจากทีโอที
"บริษัทมองว่าธุรกิจบรอดแบนด์มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากปัจจุบันอัตราการเข้าถึงบริการมีค่อนข้างต่ำเพียง 10-12% ของจำนวนครัวเรือนทั่วประเทศ ส่วนธุรกิจเคเบิลทีวียังมีแนวโน้มเติบโตที่ดี"นายวิไลวรรณ กล่าวส่วนธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปีหน้าน่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของบริการนอนวอยซ์ ที่คาดว่าจะยังคงเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 53 เติบโต 15% และบริษัทก็มีแผนขยายโครงข่ายให้บริการเพิ่มขึ้นด้วย
นางวิไลวรรณ กล่าวถึงการเปิดให้บริการนัมเบอร์พอร์ตที่จะเริ่มทดลองในเดือน ธ.ค.และขยายไปทั่วประเทศในเดือน ม.ค.54 ว่า บริษัทมองว่าจะเป็นผลบวกมากกว่าผลลบ เนื่องจากมีลูกค้าระดับพรีเมียมหลายรายสนใจมาใช้บริการของบริษัท แต่ไม่ต้องการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เมื่อมีการให้บริการคงสิทธิเลขหมายก็น่าจะเข้ามาใช้บริการมากขึ้น