รายงานการซื้อขายตลาดอนุพันธ์(TFEX)วันนี้ มีการซื้อขายรวม 24,618 สัญญา เป็น SET50 Index Futures จำนวน 10,634 สัญญา โดยสัญญา S50Z10 มีปริมาณการซื้อขาย 8,338 สัญญา, สัญญา S50H11 มีปริมาณการซื้อขาย 2,011 สัญญา,สัญญา S50M11 มีปริมาณการซื้อขาย 243 สัญญา ส่วนสัญญา S50U11 ปริมาณซื้อขาย 42 สัญญา
ส่วน Single Stock Futures มี 4,006 สัญญา โดยสัญญา BANPU Futures มีปริมาณการซื้อขาย 12 สัญญา, สัญญา BAY Futures มีปริมาณการซื้อขาย 85 สัญญา ,สัญญา BBL Futures มีปริมาณการซื้อขาย 104 สัญญา, สัญญา ITD Futures มีปริมาณการซื้อขาย 1,159 สัญญา, สัญญา KBANK Futures มีปริมาณการซื้อขาย 3 สัญญา, สัญญา KTB Futures มี ปริมาณการซื้อขาย 2,173 สัญญา,
สัญญา LH Futures มีปริมาณการซื้อขาย 45 สัญญา, สัญญา PTT Futures มีปริมาณการซื้อขาย 110 สัญญา, สัญญา PTTEP Futures มีปริมาณการซื้อขาย 115 สัญญา, สัญญา QH Futures มีปริมาณการซื้อขาย 45 สัญญา ,สัญญา SCB Futures มีปริมาณการซื้อขาย 1 สัญญษ ,และสัญญา TTA Futures มีปริมาณซื้อขาย 154 สัญญา
ขณะที่สัญญา ADVANC Futures , สัญญา SCC Futures ไม่มีสัญญาซื้อขาย
ส่วน Gold Futures มีปริมาณการซื้อขาย 9,420 สัญญา แบ่งเป็นสัญญาละ 50 บาท จำนวน 6,345 สัญญา และ สัญญาละ 10 บาท จำนวน 3,075 สัญญา
Interest Rate Futures ไม่มีปริมาณการซื้อขาย
สำหรับ SET50 Options มีการซื้อขายรวม 558 สัญญา แบ่งเป็นคอลออปชั่น จำนวน 334 สัญญา และพุทออปชั่น จำนวน 224 สัญญา
ดัชนีอ้างอิงวันนี้ SET50 Index อยู่ที่ 714.00 จุด ลบ 12.09 จุด (-1.67%)
นางสาวปิ่นแก้ว สันติเมธวิรุฬ นักวิเคราะห์กลยุทธฝ่ายตลาดอนุพันธ์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า การซื้อขาย Set50 Futures วันนี้ปรับตัวลงแรง ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอก หลังจากที่ทางการสหรัฐอาจมีการ ขยายมาตรการปรับลดภาษี อาจทำให้เฟดมีความจำเป็นน้อยลงในการขยายวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าแรง ในรอบ 3 เดือน และมีแรงเทขายทำกำไรในตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ และส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีแรงเทขายทำกำไรเช่นกัน
นอกจากนี้ตลาดยังมีความกังวลมาตรการของจีนที่อาจปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยนักลงทุนรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของจีนที่จะ ออกมา ซึ่งการคาดการณ์ว่าจีนจะขึ้นดอกเบี้ยทำให้มีแรงเทขายในตลาดหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง ประกอบกับในไทยที่จะมีวันหยุดติดต่อกัน 3 วัน นักลงทุนจึงมีการขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงช่วงปิดตลาดในวันหยุด
"ตลาดหุ้นช่วงนี้ยังมีความผันผวนสูง ซึ่งต้องรอดูสหรัฐและราคาน้ำมัน เพราะพรุ่งนี้ก่อนหยุดยาวเชื่อว่านักลงทุนอาจชะลอ การลงทุน ซึ่งทำให้ทิศทางในตลาดหุ้นอยู่ในกรอบ sideway หลังจากมีการขึ้นแรง ลงแรง" นางสาวปิ่นแก้ว กล่าว
การลงทุนช่วงนี้แนะให้ trading ในกรอบ 700-725 จุด เนื่องจากยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนทำให้คาดการณ์ทิศทาง ตลาดได้ยาก
ส่วนตลาดทองคำ มีแรงเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำในตลาดโลกทำสถิติใหม่ที่ 1,430 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็น ไปตามสัญญาณทางเทคนิค เมื่อราคาทองคำทำสถิติใหม่จะมีแรงเทขายทำกำไรออกมา ประกอบกับมีแรงกดดันจากการที่ดอลลาร์แข็งค่า ขึ้นแรง ทำให้ราคาทองคำปรับลงแรง แต่ราคาทองคำในประเทศยังมีแรงหนุนจากการที่เงินบาทอ่อนค่า
อย่างไรก็ตามมองราคาทองคำยังเป็นช่วงการพักฐาน ในทิศทางขาขึ้น ดังนั้นการลงทุน หากมีจังหวะย่อตัว เป็นโอกาส เปิดสถานะ long ได้ โดยให้แนวรับที่ 19,850 บาท แนวต้าน 20,150 บาท
บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ออกบทวิเคราะห์ว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการเทขายออกมาค่อนข้างมาก จากระดับ 1,430 ดอลลาร์สู่ระดับต่ำกว่า 1,390 ดอลลาร์ เป็นเพียงการเทขายทำกำไรของนักลงทุนเนื่องจากก่อนหน้านี้ราคา ทองคำได้มีการดีดตัวขึ้นมาค่อนข้างเร็วบวกกับการดีดตัวของเงินสกุลดอลลาร์ก็ยิ่งเพิ่มแรงกระตุ้นให้เกิดการเทขายทำกำไร
เป้าหมายทำกำไรนั้นเบื้องต้นทางวายแอลจียังคงเป้าหมายเดิมไว้ที่ระดับ 1,435(20,350 บาท) หรือ 1,450 (20,550 บาท) ดอลลาร์/อออนซ์ เช่นเดิม
ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงต่อการปรับขึ้นที่ยังคงเน้นย้ำให้นักลงทุนติดตามอย่างใกล้ชิดก็คือมาตรการควบคุมเงินเฟ้อและสภาวะฟอง สบู่ของจีน ส่วนการขายทำกำไรของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์นั้นให้จับตาแนวรับบริเวณ 1,380 ดออลลาร์/ออนซ์เป็นหลัก หากราคาหลุดแนวรับ ดังกล่าวให้สันนิษฐานไว้ก่อนเบื้องต้นว่าแรงขายดังกล่าวน่าจะเกิดจากการเทขายทำกำไรของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ให้นัก ลงทุนชะลอการเข้าซื้อออกไปก่อน