TAPAC คาดปันผลกว่า 20 สต.เข้าบอร์ด ก.พ.,เป้าปีหน้ารายได้-กำไรโต 10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 23, 2010 10:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโสฬส ตั้งในธรรม กรรมการและผู้อำนายการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.ทาพาโก้ (TAPAC) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเดือน ก.พ.53 พิจารณาการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 0.20 บาท/หุ้น หลังผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 53 สิ้นสุด ต.ค.53 (พ.ย.52-ต.ค.53) มีกำไรสุทธิ 46.18 ล้านบาท สูงขึ้นจากปี 52 ที่มีกำไร 31.03 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่จ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40%ของกำไรสุทธิ

ส่วนปี 54 (พ.ย.53-ต.ค.54) บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 550 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 53 ที่มียอดขาย 499 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้ามีกำไรเติบโต 10% และรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่ 28% ใกล้เคียงปี 53

"ยอมรับว่าเราตั้งเป้าปี 54 แบบ conservative ซึ่งได้ทำแผนเมื่อเดือน ก.ย. แต่หากสถานการณ์ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ค่าเงินบาทเริ่มนิ่ง เราอาจจะมีการทบทวนใหม่ในหลังไตรมาส 1/54...ปีนี้ (ปี 53) เราก็ยังจ่ายปันผลต่อเนื่อง ถ้าดูจากนโยบายจ่ายปันผลอย่างน้อยก็ 20 สตางค์ ซึ่งเราจะมาอ้างว่าปีนี้เรามีการลงทุนเยอะก็คงไม่ได้ " นายโสฬส กล่าว

นอกจากนี้ในปี 54 บริษัทยังมีแผนลงทุนเพิ่มอีก 30 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรรองรับการขยายกำลังการผลิต จาก 1,100 ตัน/ปี เป็น 1,200 ตัน/ปี ซึ่งเป็นการลงทุนต่อเนื่องจากปีก่อน ที่ได้มีการลงทุนเพื่อสร้างโรงงานใหม่และจัดซื้อเครื่องจักรประมาณ 105 ล้านบาท โดยเงินลงทุนจะมาจากเงินจากการแปลงสิทธิวอร์แรนต์ เพื่อซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งที่ 1 ที่ราคา 2.30 บาท/หุ้น ซึ่งหากไม่เพียงพอบริษัทยังมีกระแสเงินสดที่จะนำมาใช้ลงทุนดังกล่าวได้

อย่างไรก็ตาม ในงวดไตรมาส 1/54 (พ.ย.53-ม.ค.54) คาดว่า บริษัทจะมียอดขายประมาณ 132 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่ง เดือน พ.ย.ขณะนี้มีออร์เดอร์แล้ว 41 ล้านบาท และ ธ.ค. มีออร์เดอร์ แล้ว 45 ล้านบาท โดยออร์เดอร์ของลูกค้ามีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากงวดปี 53 ซึ่งปกติลูกค้าจะมีออร์เดอร์ปกติ 1 เดือน และออร์เดอร์ล่วงหน้าอีก 3 เดือน

ทั้งนี้ ยอดขายของบริษัทมาจากลูกค้าเดิมที่เป็นออร์เดอร์ชิ้นส่วนปรินเตอร์เป็นหลัก ส่วนยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3% เป็น 6% ตามตลาดรถยนต์ที่เติบโตขึ้น โดยเป็นสัดส่วนลูกค้าในประเทศ 65% และต่างประเทศ 35%

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีพันธมิตรทางธุรกิจจากญี่ปุ่นรายเดิม ซึ่งเป็นการช่วยเหลือทางธุรกิจร่วมกันมีสัญญาถึงปี 55 โดยพันธมิตรดังกล่าวจะสนับสนุนการหาออร์เดอร์จากลูกค้าญี่ปุ่น และช่วยเหลือด้านเทคนิคต่างๆ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็น mass product มากขึ้น ส่วนพันธมิตรรายอื่นๆ ยังไม่มีการเจรจาใดๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ