ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐรายงานว่า อัตราว่างงานเดือนมกราคมปรับตัวลดลงสวนทางคาดการณ์ สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือน โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงินและเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม แรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานสกัดช่วงขาขึ้น
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 14.04 จุด หรือ 0.23% แตะที่ 5,997.38 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยวานนี้ว่า อัตราว่างงานเดือนมกราคม 2554 ร่วงลงสู่ระดับ 9% จากระดับ 9.4% ในเดือนธันวาคม และ 9.8% ในเดือนพฤศจิกายน โดยอัตราว่างงานเดือนที่แล้วเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าอัตราว่างงานสหรัฐจะดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 9.5%
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกจากอัตราว่างงานที่ปรับตัวลดลง โดยไม่สนว่าตัวเลขจ้างงานในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นเพียง 36,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 145,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 121,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม
หุ้นโอลด์ มูชวล เป็นแกนนำหุ้นบลูชิพ โดยทะยานขึ้นถึง 4.97%
ขณะที่หุ้นบาร์เคลย์ส บวก 2.4% เช่นเดียวกับหุ้นธนาคารอื่นๆทั่วยุโรป หลังจากที่โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ มีมุมมองเป็นบวกต่ออุตสาหกรรมธนาคารเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 โดยให้เหตุผลว่า มูลค่าหุ้นกลุ่มธนาคารค่อนข้างต่ำ และความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปเริ่มคลี่คลายลง
หุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 2.9% หลังราคาทองแดงทะยานขึ้นเหนือระดับ 10,000 ดอลลาร์ต่อตัน
หุ้นยูไนเต็ด ยูทิลิตีส์ กรุ๊ป บวก 4.32% และเซเว่น เทรนท์ บวก 3.60% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้นทั้งสองบริษัท
อย่างไรก็ตาม หุ้นบริษัทพลังงานส่วนใหญ่อ่อนตัวลง นำโดยแคร์น เอนเนอร์จี ลดลง 2.67% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลบ 2.05% ต่อเนื่องจากวันก่อนที่ร่วงลงถึง 3% หลังถูกเมอร์ริล ลินช์ ปรับลดคำแนะนะจาก “ซื้อ" เป็น “ถือ" ภายหลังบริษัทน้ำมันรายใหญ่สุดของยุโรปรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 น้อยกว่าคาดการณ์