รายงานการซื้อขายตลาดอนุพันธ์(TFEX)วันนี้ มีการซื้อขายรวม 26,018 สัญญา เป็น SET50 Index Futures จำนวน 14,053 สัญญา โดยสัญญา S50H11 มีปริมาณการซื้อขาย 12,641 สัญญา,สัญญา S50M11 มีปริมาณการซื้อขาย 1,304 สัญญา ส่วนสัญญา S50U11 ปริมาณซื้อขาย 92 สัญญา และ สัญญา S50Z11 มีปริมาณการซื้อขาย 16 สัญญา
ส่วน Single Stock Futures มี 3,341 สัญญา โดยสัญญา BANPU Futures มีปริมาณการซื้อขาย 50 สัญญา, สัญญา BAY Futures มีปริมาณการซื้อขาย 7 สัญญา, สัญญา BBL Futures มีปริมาณการซื้อขาย 184 สัญญา, สัญญา ITD Futures มีปริมาณการซื้อขาย 85 สัญญา ,สัญญา KBANK Futures มีปริมาณการซื้อขาย 12 สัญญา,สัญญา KTB Futures มี ปริมาณการการซื้อขาย 1,906 สัญญา
สัญญา LH Futures มีปริมาณการซื้อขาย 352 สัญญา, สัญญา PTT Futures มีปริมาณการซื้อขาย 44 สัญญา, สัญญา PTTEP Futures มีปริมาณการซื้อขาย 143 สัญญา, สัญญา QH Futures มีปริมาณการซื้อขาย 392 สัญญา, สัญญา SCB Futures มีปริมาณการซื้อขาย 71 สัญญา ,สัญญา SCC Futures มีปริมาณการซื้อขาย 4 สัญญา และสัญญา TTA Futures มีปริมาณซื้อขาย 91 สัญญา
ขณะที่ สัญญา ADVANC Futures ไม่มีปริมาณการซื้อขาย
ส่วน Gold Futures มีปริมาณการซื้อขาย 8,166 สัญญา แบ่งเป็นสัญญาละ 50 บาท จำนวน 4,277 สัญญา และ สัญญาละ 10 บาท จำนวน 3,889 สัญญา
Interest Rate Futures ประเภท 5Y Gov Bond มีปริมาณการซื้อขาย 4 สัญญา
สำหรับ SET50 Options มีการซื้อขายรวม 454 สัญญา แบ่งเป็นคอลออปชั่น จำนวน 257 สัญญา และพุทออปชั่น จำนวน 197 สัญญา
ดัชนีอ้างอิงวันนี้ SET50 Index อยู่ที่ 684.23 จุด บวก 11.88 จุด (+1.77%)
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต กล่าวว่า Set50 Futures วันนี้รีบาวน์ได้ดีทั้งดัชนีและมูลค่าการซื้อขาย โดยมีแรง ซื้อเข้ามาในหุ้นใหญ่กลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ หลังจากดัชนี Set ผ่านแนวต้านสำคัญที่ 980 จุดทำให้กรอบดูดีขึ้นและมีโอกาส ทดสอบระดับถัดไปที่ 690-695 จุด แต่ให้ระวังแรงเทขายทำกำไร แนะให้มีการแบ่งพอร์ตเพื่อขายทำกำไรเพื่อป้องกันความเสี่ยง
"ประเด็นหลักๆที่ส่งผลต่อตลาดค่อนข้างผ่อนคลายลง ซึ่ง sentiment จากตลาดต่างประเทศที่เป็นบวกก็กลับเข้ามา ส่วนบ้านเราประเด็นกัมพูชาก็รับรู้กันไปแล้ว และตลาดไม่ได้นำมาเป็นประเด็นหลักในช่วงนี้ และยังมี fund flow ไหลเข้ามา หลัง จากมีการโยกเม็ดเงินจากตลาดพันธบัตรมาที่ตลาดหุ้นทั้ง Set และ Futures ซึ่งเป็นเม็ดเงินหลักนอกเหนือจากกองทุนรวมต่างๆ" นักวิเคราะห์ บล.ธนชาต กล่าว
ทั้งนี้ มองว่าระยะสั้นการที่ตลาดรีบาวน์ แต่ยังต้องระมัดระวังแรงเทขายทำกำไร ซึ่งเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหล เข้ามา แต่ยังต้องติดตามต่อไปว่าจะยังเข้ามาลงทุนต่อเนื่องหรือไม่ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าที่ผ่านมาต่างชาติเทขายหุ้นในตลาดหุ้นไทย ค่อนข้างมากแล้ว ดังนั้น อาจจะมีการขายหุ้นออกมาอีกไม่มาก
ส่วนตลาดทองคำ สำหรับ Gold Futures สัญญาG11 มีทิศทางแกว่งขั้น หลังจากได้ปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 20,050 บาท ทำให้กรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 20,050-20,150 บาท แต่จะเป็นการแกว่งขึ้นลักษณะ V-shape
ผู้มีสถานะ long ในกรอบต่ำตั้งแต่ 19,550 บาท ให้ทยอยแบ่งขายทำกำไรเพื่อปิดสถานะ แต่หากยืนที่ 20,050 บาท ให้ดึงจังหวะ short ที่แนวต้านสูงกว่านี้ได้ โดยวันพรุ่งนี้ให้กรอบแนวต้านที่ 20,150 บาท แนวรับที่ 19,900 /19,800 บาท
บทวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ระบุว่า การรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI)ของจีน ที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังผลักดันให้ราคาทองคำปรับค่อยๆขยับตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์จลาจลในอียิปต์ที่ทางวายแอลจีเชื่อว่าจะเป็น ต้นแบบให้ประเทศต่างๆที่ตกอยู่ในสถานการณ์ใกล้เคียงกับอียิปต์ลุกขึ้นมาเลียนแบบ ยังเป็นปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำให้ปรับตัวเพิ่มสูง ขึ้นได้อีกทางหนึ่ง แนะนำให้นักลงทุนจับตาดูประเด็นนี้ต่อไป เพราะหากเกิดขึ้นจริงทองคำจะยิ่งได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ ปลอดภัย
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินว่ารูปแบบการขึ้นของราคาทองคำรอบนี้มีนัยสำคัญพอสมควร ทำให้เชื่อว่าราคาทองคำจะปรับ ตัวขึ้นไปได้ต่อเนื่อง แม้การเทขายทำกำไรในบริเวณแนวต้านสำคัญๆจะมีให้เห็น แต่ราคาจะพยายามยกฐานขึ้น แนะนำนักลงทุนที่ซื้อ ทองคำไว้ก่อนหน้านี้ ยังคงให้ถือต่อไปโดยขายทำกำไรในบริเวณ 1,380 ดอลลาร์/ออนซ์(20,000 บาท) แต่ถ้าสามารถรับความ เสี่ยงได้มากขึ้นอาจรอขายทำกำไรในบริเวณ 1,390 ออนซ์(20,150 บาท)ขึ้นไป