บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้นบมจ.ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR) ราคาเหมาะสม 42 บาท ประเมินกำไรสุทธิใน 4Q53 ของ PTTAR ไว้ที่ 3,295 ล้านบาท หรือ 1.11 บาท/หุ้น เติบโต 120% yoy และ 374% qoq เป็นกำไรรายไตรมาสที่สูงที่สุดในปี 2553
โดยคาดค่าการกลั่นรวมของธุรกิจโรงกลั่นบวกอะโรเมติกส์ (Market GIM) อยู่ที่ 7.5 เหรียญ/บาร์เรล เมื่อรวมกับกำไรจากสต๊อกน้ำมันอีกประมาณ 3 เหรียญ/บาร์เรล (ประมาณ 1,575 ล้านบาทหลังภาษี) ทำให้ค่าการกลั่นรวม (Accounting GIM) จะอยู่ที่ประมาณ 10.5 เหรียญ/บาร์เรล ดีขึ้นกว่า 3.44 เหรียญ/บาร์เรลในไตรมาสก่อน
นอกจากนั้น Spread margin ของพาราไซลีน (Px - condensate) ใน 4Q53 ยืนสูงถึง 550 เหรียญ/ตัน เพิ่มขึ้น 86% qoq ตามราคาพาราไซลีนที่พุ่งขึ้น ในขณะที่ spread margin ของเบนซีน (Benzene - condensate) ก็เพิ่มขึ้น 20% qoq เป็น 236 เหรียญ/ตัน
อีกทั้ง ราคาน้ำมันดิบ Dubai เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสิ้นปี 2553 ที่ US$91.28/barrel เทียบกับราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา US$98.56/barrel และเช้านี้ซื้อขายที่ US$98.37/barrel ด้วยเหตุความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ 1Q54 นี้หุ้นกลุ่มโรงกลั่นจะมีโอกาสบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันอีกไตรมาส แม้ว่าจะไม่มากเท่ากับ 4Q53 ที่ผ่านมาก็ตาม
ส่วนราคาฝ้ายล่วงหน้าตลาด CBOT เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ลดลง 3.47% ปิดที่ US$1.9493 แต่เป็นการปรับฐานลง หลังจากที่ราคาฝ้ายล่วงหน้าทะลุ US$2.00 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะตลาดกังวลต่อการขึ้น Reserve Ratio ของธนาคารกลางจีน อาจกดดันความต้องการใช้ฝ้าย แต่ในความเป็นจริง เชื่อว่าประเด็นกดดันดังกล่าวเป็นเพียงช่วงสั้น สภาพภูมิอากาศที่ผิดปกติ บวกกับภาวะน้ำท่วมหนักในออสเตรเลีย กดดันปริมาณการผลิตฝ้าย
เมื่อความต้องการใช้ฝ้ายยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว แต่ปริมาณการผลิตฝ้ายยังมีความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศที่ผิดปกติ ความต้องการใช้โพลิเอสเตอร์ย่อมเพิ่มขึ้น เป็นบวกต่อปิโตรเคมีต้นน้ำอย่าง PX มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน
ล่าสุดเมื่อ 17 ก.พ.54 หุ้น PTTAR ปิดที่ 40.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท(+1.89%) มูลค่าซื้อขาย 1,593.28 ล้านบาท