PS คาดผลประกอบการ Q1/54 ทรงตัวจาก Q1/53 เหตุโครงการเกียกกายสะดุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 25, 2011 18:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมบูรณ์ วศินชัชวาลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชีและการเงิน บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(PS) คาดว่าผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 1/54 จะออกมาใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียม เดอะทรี เกียกกาย สเตชั่น ประสบปัญหาไม่สามารถดำเนินการก่อสร้าง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการใหม่ และคาดว่ามูลค่าโครงการจะลดลงเหลือ 600-700 ล้านบาท จาก 1.6 พันล้านบาท

เหตุผลที่ไม่สามารถก่อสร้างเนื่องจากขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทยที่ห้ามก่อสร้างหรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทในพื้นที่บางส่วนในพื้นที่บริเวณแนวเขตที่ดินของรัฐสภาแห่งใหม่ในระยะ 300 เมตร และในบริเวณพื้นที่แนวเขตบริเวณแรกในระยะ 500 เมตร โดยห้ามมีอาคารที่มีความสูงเกิน 15 เมตร และ 23 เมตร

นายสมบรูณฺ์ กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทมียอดจองซื้อโครงการทั้งหมดแล้ว 2.8 พันล้านบาท ขณะที่ยอดโอนก็ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ PS กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ภายใน 3 ปีนี้จะเติบโตปีละ 25-30% โดยจะเน้นพัฒนาโครงการในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะกรุงเทพและปริมณฑลที่แต่ละปีมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2.5 แสนล้านบาท โดย PS มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 20% ขณะที่ตลาดต่างจังหวัด บริษัทจะทยอยพัฒนาโครงการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าภายใน 8 ปีจะมีส่วนแบ่งตลาด 20% จากปีนี้จะมีรายได้จากต่างจังหวัดเข้ามาเป็นเป็นปีแรก

ขณะที่รายได้จากสัดส่วนต่างประเทศ ใน 3 ปีนี้มีเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 5-8% ของรายได้รวม ซึ่งปีนี้ก็จะเป็นปีแรกที่รับรู้รายได้จากต่างประเทศเช่นกัน โดยปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวในต่างประเทศเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวที่เมืองบังกลาลอร์ เฟส 2 ในอินเดีย , โครงการที่เมืองมุมไบ ที่อินเดีย คาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในไตรมาส 3/54 , ส่วนโครงการที่มัลดีฟ เป็นโครงการคอนโดมิ เนียม สูง 5 ชั้น มูลค่า 3.5 พันล้านบาท คาดว่าจะเริ่มโอนได้ในเดือน พ.ค.นี้ และบริษัทมีแผนจะขยายเฟส 2 และ 3 เพิ่มเติม

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติมในประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และจีน

"ช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า เราคงมีการเข้าไปศึกษาลงทุนในอินโดนีเซีย ส่วนฟิลิปปินส์ก็คงเป็นที่ต่อไป ประเทศที่เราจะเข้าไปต้องมีประชากรเยอะ มีความต้องการที่อยู่อาศัย แต่ทั้งนี้เราจะเน้นการเติบโตจากในประเทศเป็นหลัก ส่วนต่างประเทศต้องดูภาวะเป็นช่วงๆ"นายสมบูรณ์ กล่าว

ปัจจุบัน อัตรากำไรสุทธิในการพัฒนาอสังริมทรัพย์ในประเทศและต่างประเทศอยู่ในระดับที่ใกล้เคียง โดยบริษัทจะรักษาไม่ให้ต่ำกว่า 16% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในประเทศจะสูงกว่าประมาณ 38% ส่วนต่างประเทศอยู่ที่ 34-35%

นายสมบุรณ์ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มตลาดบ้านราคา 5-7 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 3/54 เป็นอย่างช้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ