ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกผลกระทบแผ่นดินไหวญี่ปุ่น ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 51.24 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 15, 2011 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่นจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นและเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีของโรงงานนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 51.24 จุด หรือ 0.43% แตะที่ 11,993.16 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 7.89 จุด หรือ 0.60% แตะที่ 1,296.39 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 14.64 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 2,700.97 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 969 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิในญี่ปุ่นจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งปัญหาการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีที่โรงงานนิวเคลียร์ โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ดิ่งลงหนักสุด รวมถึงหุ้นเอ็นเนอร์จี คอร์ป ที่ปิดร่วงลง 4.89% ส่วนหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านพลังงานนิวเคลียร์ของฮิตาชิ ปิดร่วงลง 2.16%

หุ้นบริษัทญี่ปุ่นที่เข้ามาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นโตโยต้า มอเตอร์ ซึ่งประกาศระงับการผลิตทั้งหมดที่โรงงานในญี่ปุ่นนั้น ปิดร่วงลง 4.58%

จิม โอนีล ประธานโกลด์แมน แซคส์ แอสเซท เมเนจเมนท์ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการผลิตในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีผลผลิตในสัดส่วน 8% ของตัวเลขจีดีพีญี่ปุ่น และยังได้ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนในตลาดโลก เนื่องจากญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดัคเตอร์และวัตถุดิบต่างๆ เมื่อระบบการขนส่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว กลุ่มผู้ผลิตในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆก็จะได้รับผลกระทบจากภาวะอุปทานขาดแคลนในช่วงหลายเดือนข้างหน้านี้

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศอัดฉีดเงิน 7 ล้านล้านเยน (8.58 หมื่นล้านดอลลาร์) เข้าสู่ตลาดการเงินภายในประเทศเมื่อวานนี้ เพื่อบรรเทาความวิตกกังวลที่ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงอาจจะส่งผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่างๆ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กังวลว่า การดำเนินการดังกล่าวจะยิ่งทำให้สถานะการคลังของญี่ปุ่นย่ำแย่ลงไปอีก และอาจทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นต้องตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้า

หุ้นบริษัทที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในตลาดญี่ปุ่นร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ปิดร่วง 5.3% หุ้นโคช อิงค์ ปิดร่วงกว่า 5% ส่วนหุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ ปิดบวก 2.1% เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า โครงการบูรณะฟื้นฟูหลังจากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นจะเป็นประโยชน์ต่อแคทเตอร์พิลลาร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับการก่อสร้าง

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.พ., ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนมี.ค., สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค. และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะประชุมนโยบายการเงิน

วันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2553 รวมทั้งข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ.

วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. และเฟดจะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.พ. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ