บล.ภัทรเผยนลท.สถาบันใน-ตปท.ตอบรับงาน"Thailnd Focus"สะท้อนสนใจเข้าลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 28, 2011 16:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภินันท์ เกลียวปฎินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ภัทร จำกัด แถลงผลการจัดงาน"Thailand Focus 2011"ในวันแรกว่า ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนไทย และมีการนำเสนอข้อมูลที่ตรงต่อนักลงทุน ซึ่งปัจจัยที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ ได้แก่ 1. ความมีเสถียรภาพของประเทศไทย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลก 2. การลงทุนระบบสาธารณูปโภคในประเทศ และ 3. เสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจมากโดยเฉพาะช่วงการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้( 29 มี.ค. ) จะเปิดโอกาสให้ตัวแทนพรรคประชาธิปปัตย์ และพรรคเพื่อไทย มาอธิบายถึงนโยบายให้นักลงทุน เชื่อว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า Fund manager จะปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนประเทศไทยมากขึ้น แต่ในส่วนเม็ดเงิน คงจะพิจารณาจังหวะและนโยบายในการลงทุน แต่จากข้อมูลพบว่า สัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ในช่วง ม.ค - มี.ค 54 เพิ่มเป็น 25% จาก 18% ปลายปี 53

สำหรับนักลงทุนที่เข้าร่วมงาน นักลงทุนไทย-ต่างประเทศ รวม 145 ราย แบ่งเป็นนักลงทุนต่างประเทศ 50% ในประเทศ 50% ซึ่งในสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศ 70 % มาจากแถบเอเชีย ขณะที่มีบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมงาน 67 บริษัท คิดเป็น 80-85 % ของมูลค่าตลาดรวม

ทั้งนี้ การจัดงาน Thailand Focus 2011 จัดขึ้นตั้งแต่ 28-30 มีนาคมนี้ ที่โรงแรมโฟร์ซีซัน มีผู้บริหารระดับสูงภาครัฐและเอกชน ร่วมนำเสนอข้อมูลแสดงศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยและเศรษฐกิจประเทศไทย

ด้านนาย Rupert Hume - Kendall ประธานฝ่ายโกลบอล แคปิตอล มาร์เก็ตส์ แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยหลังจากที่รัฐบาลประกาศที่จะมีเลือกตั้ง อาจจะมีการชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ แต่เชื่อว่าเป็นโอกาสให้นักลงทุนต่างประเทศ กลับเข้ามาลงทุนต่อ หากผลการเลือกออกมาชัดเจน และเม็ดเงินก็จะกลับมา

"การที่รัฐบาลประกาศเลือกตั้ง คงไม่เห็นการตื่นตระหนก แต่อาจชะลอดูผลเลือกตั้งว่าจะออกมาอย่างไรก่อน และหากเป็นไปตามที่คาดการณ์การลงทุนก็จะเพิ่มขึ้น"

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า กองทุนที่มีขนาดใหญ่จะมีเกณฑ์ในการพิจารณาการลงทุน โดยจะพิจารณาจากมาร์เก็ตแคปเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ และมีวอลลุ่มเทรดเกิน 10 ล้านดอลลาร์/ วัน ซึ่งปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีบริษัทอยู่ในเกณฑ์ 20-25 บริษัท จากเดิม 8 บริษัท และจากการที่ไปโรดโชว์ที่ผ่านมานักลงทุนก็ตอบรับในทิศทางที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงสุดในอาเซียน อยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์/วัน หรือราว 3 หมื่นล้านบาท/วัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ