ตลาดหลักทรัพย์ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,094.50. จุด ลดลง 10.93 จุด(-0.99%) มูลค่าการซื้อขาย 13,762.13 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,101.04 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,092.55 จุด
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้รับแรง take profit ทำให้ตลาดฯปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลงกันทั่วหน้า ทั้งนี้เป็นผลจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็น Negative จากกรณีการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ซึ่งขณะนี้ตลาดฯเฝ้ารอดูผลว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องมาตรการ QE ซึ่งจะสิ้นสุดโครงการในสิ้นไตรมาส 2/54 นี้ ทำให้นักลงทุนต่างรอดูกันว่าจะมีการยืดอายุการใช้มาตรการ QE หรือไม่
"การประชุมเฟดในครั้งนี้คนตื่นเต้นกันมาก เพราะเห็นทาง"เบอร์นันเก้"ประธานเฟด จะออกสื่อ ซึ่งเป็นครั้งแรกของการออกสื่อ ทำให้มีการมองกันว่าอาจจะมีอะไรใหม่ หรือมีประเด็นอะไร"น.ส.ธีรดา กล่าวขณะเดียวกันตลาดฯก็ขาดปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุนการลงทุน อีกทั้งตลาดฯก็ได้มีการปรับตัวขึ้นมาพอควรและยาวนานแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่านักลงทุนต่างชาติได้ซื้อสะสมมาระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นต่างชาติจะขายเมื่อไรก็ได้กำไร นอกจากนี้ เงินบาทเช้านี้ก็ได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มีบางส่วน take profit ออกมา ส่วนปัจจัยภายในประเทศก็คงจะต้องรอดูเรื่องของปัญหาไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังอยู่ในแดนลบ เนื่องจากเงินบาทยังอ่อนค่าอยู่เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ตลาดฯก็ยังมีโอกาสผันผวนได้ด้วยเช่นกัน พร้อมให้แนวรับ 1,090-1,084 จุด ส่วนแนวต้าน 1,100-1,108 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 819.90 ล้านบาท ปิดที่ 752.00 บาท ลดลง 8.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 743.11 ล้านบาท ปิดที่ 116.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 659.85 ล้านบาท ปิดที่ 29.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 594.37 ล้านบาท ปิดที่ 171.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 566.55 ล้านบาท ปิดที่ 375.00 บาท ลดลง 4.00 บาท