KBANK เผยมีดีล M&A ราว 2 แสนลบ,คาดสินเชื่อ corporate โตกว่าเป้า 6%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 3, 2011 16:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) คาดว่าในปี 2554 ธนาคารคาดว่าสินเชื่อภาคธุรกิจ(corporate)จะโตกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6% นอกจากนี้ยังมีงานด้านการควบรวมกิจการ (M&A) ในแผนการดำเนินงานราว 2 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ บล.กสิกรไทย เผยมีงานด้านการเป็นที่ปรึกษา M&A 3 ราย และงานเป็นที่ปรึกษาการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) อีก 2 ดีล โดยเตรียมนำ บมจ.น้ำตาลครบุรี เข้าจดะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงปลายเดือน พ.ค.คาดว่าจะกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ได้ในช่วงสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ในปี 2554 บล.กสิกรไทยตั้งเป้ารายได้จากงานด้านวาณิชธนกิจ (IB) ประมาณ 240 ล้านบาท จากปีก่อน 70 ล้านบาท

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธ.กสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ในขณะนี้งานของกลุ่มธนาคารมีดีลควบรวม/ซื้อกิจการ (M&A) 10 ดีล เป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 2 แสนล้านบาท โดยดีลใหญ่ที่สุดคือการควบรวมกิจการของ บมจ.ปตท.อโรเมติกส์ (PTTAR) กับ บมจ.ปตท.ปิโตรเคมีคัล (PTTCH) มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ที่จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/54

นอกจากนี้ ยังมีดีลเกี่ยวกับพลังงานทางเลือก 4-5 โครงการ ซึ่งเป็นทั้งพลังงานลม โซลาร์ รวมถึงดีล M&A ของบริษัทจดทะเบียน 3 ราย

"ธนาคารพร้อมสนับสนุนแนวทาง M&A อย่างครบวงจร ทั้งการทำ business matching หรือการไฟแนนซ์ ไม่เฉพาะการปล่อยสินเชื่อเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญเรามองว่าทั้งผู้ซื้อและผู้ที่ถูกซื้อต้องมีการเตรียมตัวประเมินทุกอย่าง เพราะบางดีลก็ล้มเหลวได้ หากการกลืนโดย 2 วัฒนธรรมไม่เป็นไปตามแผน ธุรกิจก็ประสบปัญหาได้" นายวศิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในปี 54 ธนาคารมั่นใจว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อ Corporate ได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 6% แม้ไตรมาส 1/54 ยอมรับว่าไม่เป็นไปตามแผน เพราะบางดีลไม่สามารถจบได้ และมีการแข่งขันปล่อยสินเชื่อมีความรุนแรง แต่ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีดีลที่อยู่ใน pipe line จำนวน 104 ดีล เป็นมูลค่า 484,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในธุรกิจพลังงาน มั่นใจว่าจะปล่อยสินเชื่อได้ถึง 70% และวางเป้าหมายมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยปีนี้ที่ 3,200 ล้านบาท

สำหรับการปล่อยสินเชื่อในโครงการไซยะบุรี ขณะนี้ยังไม่มีการเซ็นสัญญาปล่อยสินเชื่อในรูปแบบ syndicate loan โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาข้อมูลโครงการ ซึ่ง บมจ.ช.การช่าง (CK) ได้พยายามปฎิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ เช่น ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งธนาคารอยู่ในขั้นตอนการติดตามว่าบริษัทสามารถปฎิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วนหรือไม่

ด้านนายวรวัจน์ สุวคนธ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้จากธุรกิจ วาณิชธนกิจ (IB) 240 ล้านบาท จากปี 53 ที่มีรายได้ 70 ล้านบาท โดยขณะนี้มีดีล IPO 3 ราย มูลค่าระดมทุน 2,700-3,000 ล้านบาท โดยภายในเดือน พ.ค.54 มี บมจ.น้ำตาลครบุรี กระจายหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นมูลค่าระดมทุน 1,200-1,500 ล้านบาท โดยสัปดาห์หน้าจะกำหนดราคาขาย IPO

และในไตรมาส 2/54 จะนำบริษัทในกลุ่มธุรกิจยานยนต์กระจายหุ้น IPO เข้าจดทะเบียนในตลาด mai เป็นมูลค่า 500-600 ล้านบาท แต่อาจต้องชะลอจากแผนเดิม เนื่องจากญี่ปุ่นประสบปัญหาภัยพิบัติ ส่วนอีกรายเป็นธุรกิจก่อสร้างจะกระจายหุ้น IPO ในปลายปี 54 เป็นมูลค่าระดมทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีงานที่ปรึกษาการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน (PO) และ ขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 3 ราย และ ดีล M&A 10 ราย

สำหรับ ดีล M&A เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 3 ราย โดยบริษัทรับเป็นที่ปรึกษาในการทำ M&A และระดมทุนในตลาด สำหรับรายที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเป็นการซื้อ license จากต่างประเทศ คาดว่าจะมีข้อสรุปในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วน บริษัทจดทะเบียนอีก 2 ราย ไม่สามารถให้รายละเอียดได้

นายวรวัจน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมต่างๆมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะหลังการเกิดเศรษฐกิจประชาคมอาเซียน (AEC) จึงทำให้ธุรกิจขนาดกลางเริ่มหันมาสำรวจตัวเอง เพราะการแข่งขันไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศแต่ต้องแข่งขันจาก่างประเทศ ทำให้หันมามองการซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการมากขึ้น

ประกอบกับ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทไทยมีการลงทุนในต่างประเทศน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวในอัตราสูง แต่ในช่วงนี้ที่เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวในอัตรา 3-4% ถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่า ทำให้บริษัทขนาดใหญ่หันไปลงทุนต่างประเทศที่มีผลตอบแทนที่ดี โดยในปี 53 ที่ผ่านมาพบว่ามีขนาดการควบรวมกิจการ 605,000 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปี 54 ถึงขณะนี้ มีดีลควบรวมกิจการขนาด 940,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ กิจการที่มีแนวโน้มควบรวมกิจการกันมากขึ้น เช่น ธุรกิจประกันภัย หลังจากที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงกฎการสำรองเงินทุนเป็น risk base capital ซึ่งจะทำให้บริษัทประกันภัยขนาดเล็กที่มีความสามารถการแข่งขันน้อย ต้องเพิ่มทุนและนำไปสู่การควบรวมกิจการ นอกจากนี้ยังมี ธุรกิจโรงพยาบาล เฮลท์แคร์ โรงแรม เกษตร ขนส่ง และพลังงานทางเลือก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ