ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากลอยด์ แบงกิ้ง ธนาคารรายใหญ่ของอังกฤษเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำเกินคาด นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดยังได้รับผลกระทบจากตัวเลขคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลง 64.09 จุด ปิดที่ 5919.98 จุด
หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ซึ่งเป็นธนาคารปล่อยกู้เพื่อการซื้อบ้านรายใหญ่สุดของอังกฤษ ร่วงลง 8% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาสแรก ซึ่งรายงานดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ปิดร่วง 2.9% หุ้นชโรเดอร์ปิดร่วง 9.2%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับผลกระทบจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.พุ่งขึ้น 43,000 ราย แตะระดับ 474,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนส.ค.ปีที่แล้ว และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 410,000 ราย
หุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองแดงและแร่อลูมิเนียมรายใหญ่ในอินเดีย ปิดร่วง 4.3% หลังจากมีข่าวว่าบริษัทวางแผนที่จะเขาซื้อหุ้นบางส่วนของบริษัทเคร์น อินเดีย ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลก โดยหุ้นริโอทินโตปิดลบ 1.6% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดร่วง 1.5%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนขานรับธนาคารกลางอังกฤษที่ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับคงขนาดของโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มูลค่า 2 แสนล้านปอนด์ (3.25 แสนล้านดอลลาร์)