รายงานการซื้อขายตลาดอนุพันธ์(TFEX)วันนี้ มีการซื้อขายรวม 35,221 สัญญา เป็น SET50 Index Futures จำนวน 15,061 สัญญา โดยสัญญา S50M11 มีปริมาณการซื้อขาย 13,533 สัญญา ส่วนสัญญา S50U11 ปริมาณซื้อขาย 1,394 สัญญา, สัญญา S50Z11 มีปริมาณการซื้อขาย 114 สัญญา และ สัญญา S50H12 มีปริมาณการซื้อขาย 20 สัญญา
ส่วน Single Stock Futures มี 5,243 สัญญา โดยสัญญา BANPU Futures มีปริมาณการซื้อขาย 17 สัญญา, สัญญา BAY Futures มีปริมาณการซื้อขาย 14 สัญญา ,สัญญา BBL Futures มีปริมาณการซื้อขาย 10 สัญญา, สัญญา BTS Futures มีปริมาณการซื้อขาย 60 สัญญา, สัญญา CPALL Futures มีปริมาณการซื้อขาย 25 สัญญา, สัญญา CPF Futures มี ปริมาณการซื้อขาย 195 สัญญา, สัญญา DTAC Futures มีปริมาณการซื้อขาย 11 สัญญา,สัญญา HMPRO Futures มีปริมาณการซื้อ ขาย 105 สัญญา ,สัญญา IRPC Futures มีปริมาณการซื้อขาย 252 สัญญา, สัญญา ITD Futures มีปริมาณการซื้อขาย 157 สัญญา, สัญญา IVL Futures มีปริมาณการซื้อขาย 4 สัญญา,
สัญญา KBANK Futures มีปริมาณการซื้อขาย 4 สัญญา ,สัญญา KTB Futures มีปริมาณการซื้อขาย 2,023 สัญญา, สัญญา LH Futures มีปริมาณการซื้อขาย 388 สัญญา , สัญญา MINT Futures มีปริมาณการซื้อขาย 11 สัญญา, สัญญา PS Futures มีปริมาณการซื้อขาย 21 สัญญา, สัญญา PTT Futures มีปริมาณการซื้อขาย 11 สัญญา, สัญญา PTTEP Futures มี ปริมาณการซื้อขาย 89 สัญญา, สัญญา QH Futures มีปริมาณการซื้อขาย 432 สัญญา,สัญญา SCB Futures มีการซื้อขาย 51 สัญญา , สัญญา SCC Futures มีปริมาณการซื้อขาย 8 สัญญา
สัญญา STA Futures มีปริมาณการซื้อขาย 34 สัญญา , สัญญา TCAP มีปริมาณการซื้อขาย 18 สัญญา,สัญญา THAI Futures มีปริมาณการซื้อขาย 5 สัญญา , สัญญา TMB Futures มีปริมาณการซื้อขาย 415 สัญญา, สัญญา TOP Futures มี ปริมาณการซื้อขาย 5 สัญญา, สัญญา TRUE มีปริมาณการซื้อขาย 232 สัญญา ,สัญญา TTA Futures มีปริมาณซื้อขาย 644 สัญญา และ สัญญา TUF Futures มีปริมาณการซื้อขาย 2 สัญญา
ขณะที่ สัญญา ADVANC Futures ไม่มีปริมาณการซื้อขาย
ส่วน Gold Futures มีปริมาณการซื้อขาย 14,121 สัญญา แบ่งเป็นสัญญาละ 50 บาท จำนวน 6,923 สัญญา และ สัญญาละ 10 บาท จำนวน 7,198 สัญญา
Interest Rate Futures ไม่มีการซื้อขาย
สำหรับ SET50 Options มีการซื้อขายรวม 796 สัญญา เป็นคอลออปชั่น จำนวน 388 สัญญา และพุทออปชั่น จำนวน 408 สัญญา
ดัชนีอ้างอิงวันนี้ SET50 Index อยู่ที่ 755.15 จุด บวก 17.37 จุด (+2.35%)
นายพงศ์ภัทร สิริพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า การซื้อขาย Set50 Futures วันนี้ปรับตัวค่อนข้างแรง ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ และมีการปรับขึ้นหลังตลาดปรับลงแรง โดยวันนี้หุ้นกลุ่มพลังงาน ปรับชึ้นมาก จากที่ราคาน้ำมันในตลาดซื้อขายล่วงหน้าปรับขึ้น ประกอบกับ จะรู้ผลการยุบสภาในวันนี้ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุ กฎหมายลูก 3 ฉบับไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
แนวโน้มในวันพรุ่งนี้อาจจะปรับขึ้นไปต่อและอ่อนตัวลงมาได้บ้าง เพราะคาดว่าการเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติคงไม่จริง จัง โดยสัปดาห์ที่แล้วเทขายทกำไรออกมา และความเสี่ยงในยุโรปที่แนวโน้มกรีซจะออกจากสมาชิกที่ใช้เงินยูโร
"แนะนำว่า ถ้าติด long อยู่ ให้ปิด long ช่วงปรับตัวขึ้น ให้ดูแนวต้านที่ 761, 753 จุด ส่วนแนวรับ 744 จุด แต่ ภ้าไม่มีสถานะ อาจะเล่น short สั้นๆ ถ้าดัชนีไม่ผ่น 761 จุด" นายพงศ์ภัทร กล่าว
ส่วนราคาทองคำระยะสั้นถูกกดดันจากค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า ดังนั้น ราคาทองคำในตลาดโลกรีบาวน์ แต่ราคา ทองคำในประเทศบวกน้อยกว่าจากบาทแข็งค่า ระยะสั้นถ้าราคาขึ้นมาให้ปิด long หรือ เปิด short ถ้าไปไม่ถึง 21,900 บาท
ด้านนางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิด เผยว่า ทิศทางราคาทองคำในช่วงนี้เป็นช่วงของการปรับฐานราคา โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลงอย่างหนักกว่า 70 ดอลลาร์ต่อ ออนซ์ หลังจากราคาทองคำได้ทยานขึ้นทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,576 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับปัจจัยที่กดดันราคาทองคำคือการกลับมา แข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่เงินสกุลยูโรเริ่มมีการปรับอ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญจากประเด็นธนาคารกลางยุโรปมีมติคง อัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ 1.25% สร้างความผิดหวังให้กับตลาดที่มีการคาดการณ์กันว่าน่าจะมีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ราคาทองคำตั้งแต่ปลายเดือนที่ผ่านมามีการแกว่งตัวอย่างมาก การปรับขึ้นลงของราคาในช่วง 20-30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยตลาดไม่ได้มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาชี้นำ แสดงให้เห็นว่าต้องเกิดการเก็งกำไรอย่างมากในตลาด ซึ่งทางวายแอลจี เชื่อว่าการปรับตัวลงในครั้งนี้ เกิดจากแรงเทขายทำกำไรของพวกกองทุนต่างๆ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกยังได้ลดการถือครองทองคำลงกว่า 24.26 ตัน ประกอบกับนักลง ทุนรายย่อยได้ร่วมเทขายออกมาด้วยเช่นกัน
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้นักลงทุนรอดูจังหวะการย่อตัวลงมาอีกครั้งของราคาทองคำเพื่อเข้าซื้อในต้นทุนที่ต่ำ โดยวายแอลจีประเมินว่าราคาน่าจะขยับลงมาบริเวณ 1,480-1,460 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 21,100-20,820บาทต่อบาททองซึ่งเป็น ราคาที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง
แต่สำหรับสำหรับนักลงทุนระยะยาวแล้ว อาจทยอยซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาในบริเวณ 1,460 และ1,440 ดอลลาร์ต่อ ออนซ์หรือ 20,830 และ 20,540บาทต่อบาททอง การขยับตัวลงของราคาถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าสะสมทองคำ เนื่องจากปัจจัย พื้นฐานที่ยังคงหนุนราคาทองคำอย่างแข็งแกร่งไม่ว่าจะเป็นปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่ลุกลามไปทั่วโลก ปัญหาจลาจลในตะวันออกกลาง ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป หรือแม้กระทั่งสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังคงอ่อนแอ อีกทั้งการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่าน มา ทางโกลด์แมนแซคส์ได้ให้ความเห็นว่าเป็นการปรับฐานครั้งใหญ่ไปแล้วและเชื่อว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นต่อไปได้ ซึ่งประเด็น เหล่านี้จะผลักดันให้ราคาทองคำขยับตัวขึ้นไปได้ในที่สุด