STAR พุ่งเป้าขยายตลาดสิงคโปร์-เวียดนาม-อิตาลี คาดได้ออร์เดอร์ Q3-Q4/54

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 18, 2011 10:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชัย ว่องอรุณ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สตาร์ ซานิทารีแวร์ (STAR) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ จะเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มเติม เช่น สิงคโปร์ ,เวียดนาม และอิตาลี หลังจากที่ลูกค้าจากประเทศดังกล่าวแสดงความสนใจสินค้าของบริษัทฯ จากการจัดแสดงในงานสุขภัณฑ์โลก ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

"ตอนนี้บริษัทฯ ก็กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าใหม่ในประเทศสิงคโปร์ ,เวียดนาม และฝั่งยุโรป หลังจากที่ได้ไปออกงานแสดงสินค้าสุขภัณฑ์โลก ที่เยอรมัน ก็มีลูกค้าสนใจเข้ามาดูสินค้า ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ขายประมาณปลายปีนี้ประมาณไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ปีนี้"นายสมชัย กล่าว

ทั้งนี้ การเดินหน้าขยายฐานตลาดต่างประเทศจะส่งผลดีต่อรายได้และกำไรสุทธิ เนื่องจากสามารถจัดจำหน่ายสินค้าได้ในราคาค่อนข้างสูง จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Margin) อยู่ในระดับที่ดี ซึ่งจะเห็นได้จากในงวดไตรมาสที่ 1/54 บริษัทฯ สามารถทำกำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 44% ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น

ดังนั้น หลังจากนี้นอกเหนือจากการมุ่งขยายตลาดในประเทศแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการขยายตลาดต่างประเทศควบคู่กับไปอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งคาดว่าในปี 54 จะสามารถผลักดันรายได้ให้ขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 10-15% จากปีก่อน ส่วนกำไรขั้นต้น จะรักษาไม่ให้ต่ำกว่าระดับ 40% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังของทุกปีจะเป็นฤดูกาลขายสินค้าสุขภัณฑ์ ซึ่งยอดขายมีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น

"STAR ถือเป็นบริษัทฯ ที่มีผลประกอบที่เป็นกำไรต่อเนื่องถึง 29 ไตรมาส และไม่เคยขาดทุน ที่สำคัญเรามีสินทรัพย์ที่เป็นโรงงานผลิตสุขภัณฑ์ที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง และมีมูลค่าหุ้นตามบัญชี (Book Value ) ที่ 2.45 บาท ซึ่งจะเห็นว่าสูงกว่าราคาหุ้นบนกระดานมาก และทางผู้บริหารก็พยายามจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน"นายสมชัย กล่าว

STAR เผยผลประกอบการไตรมาส 1/54 มีกำไรสุทธิ 0.59 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.004 บาท เพิ่มขึ้น 0.27 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 83.13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 0.32 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.002 บาท โดยผลกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากในไตรมาสที่ 1/54 บริษัทฯ มียอดขายรวม 54.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.08 ล้านบาท ( 8.09%) โดยมียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 0.77 ล้านบาท (5.27%) ยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 3.30 ล้านบาท (9.26%) ในขณะที่กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 40.24% เป็น 44.68% จากราคาขายต่างประเทศที่สูงกว่า และจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ