นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ ในเครือ บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า ในปี 54 คาดว่ารายได้จากกลุ่มเคมีคอลจะเติบโต 20% จากปีก่อน แม้ราคาขายในไตรมาส 2/54 จะลดลงจากไตรมาส 1/54
ทั้งนี้ คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังราคาและส่วนต่างราคา(สเปรด)จะปรับดีขึ้น โดยแนวโน้มราคาบนสมมติฐานที่ราคาน้ำมันดิบ 105-115 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศจีนเพิ่มขึ้นจากที่ชะลอตัวในไตรมาส 2/54 นอกจากนี้ปริมาณการผลิตและขายในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 40%
"ไตรมาส 1 ดีมาก ไตรมาส 2 ราคาลดลงบ้าง แต่ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 คาดว่าตลาดจะตีกลับ"นายชลณัฐ กล่าว
อนึ่ง รายได้จากกลุ่มเคมิคอล มีสัดส่วนมากกว่า 50% ของรายได้รวม
นายชลณัฐ กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาปิโตรเคมีลดลงในไตรมาส 2/54 เนื่องจากจีนชะลอการสั่งซื้อ และมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในปีนี้ 11 ล้านตัน ซึ่งทยอยเข้ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว ขณะที่ราคาแนฟทายังสูงตามราคาน้ำมัน ส่งผลให้ส่วนต่างราคา(สเปรด)ในไตรมาส 2 ปีนี้ลดลงไปบ้าง แต่เทียบกับไตรมาส 1/54 ใกล้เคียงกันที่ 400 เหรียญ/ตัน ดังนั้น บริษัทเดินเครื่องกำลังการผลิต 85-90% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 1.7 ล้านตัน/ปี
"ปริมาณผลิตเพิ่มขึ้น ราคาขายลดลงบ้าง แต่สเปรดตอนนี้ยังอยู่ในช่วง top...ก็ต้องดูราคาน้ำมัน ถ้าราคาตลาดดีเราก้ผลิตมากขึ้นแต่ถ้าราคาไม่ดีก็ไม่ต้องผลิตมาก"นายชลณัฐ กล่าว
สำหรับโครงการปิตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนาม นายชลณัฐ กล่าวว่า โครงการนี้ยังติดปัญหาเดิม คือเรื่องปัญหาเศรษฐกิจในเวียดนาม ค่าเงินด่องที่ยังไม่มีเสถียรภาพ ส่งผลกระทบต่อการกู้เงินจากสถาบันการเงินที่ยังไม่มีความมั่นใจเศรษฐกิจในเวียดนาม ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีความชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร
อย่างไรก็ดี การเลื่อนแผนการลงทุนในเวียดนาม ไม่ได้ทำให้แผนงานของบริษัทเสียไป เพราะบริษัทมีนโยบายลงทุนหรือขยายตามการเติบโตของอุตสาหกรรมและภาวะเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันบริษัทมองหาโอกาสลงทุนในประเทศอื่นอยู่ต่อเนื่อง