กลุ่มแบงก์ปรับตัวลงนำตลาดโดยรวม โดยเมื่อเวลา 10.50 น.ดัชนีกลุ่มแบงก์อยู่ที่ 385.71 จุด ลดลง 5.28 จุด(-1.35%)หุ้นในกลุ่มแบงก์ที่ปรับตัวลงมากสุด 4 อันดับแรก ได้แก่
หุ้น BAY ราคาอยู่ที่ 27 บาท ลดลง 0.50 บาท(-1.82%)มูลค่าซื้อขาย 58.25 ล้านบาท
หุ้น KBANK อยู่ที่ 115.50 บาท ลดลง 2 บาท(-1.70%)มูลค่าซื้อขาย 556.90 ล้านบาท
หุ้น KTB อยู่ที่ 17.80 บาท ลดลง 0.30 บาท(-1.66%)มูลค่าซื้อขาย 224.58 ล้านบาท
หุ้น BBL อยู่ที่ 153.50 บาท ลดลง 2 บาท(-1.29%)มูลค่าซื้อขาย 639.16 ล้านบาท
นางศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มแบงก์เช้านี้ปรับตัวลง คาดว่าจะเป็นแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งช่วงนี้ต่างชาติจะปรับพอร์ตและมีการขายหุ้นบิ๊กแคปออกมา ไม่เพียงแต่กลุ่มแบงก์ กลุ่มพลังงานก็เหมือนกัน
แต่ในแง่ปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มแบงก์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง และยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ดังนั้นจะเป็นผลดีต่อ NIM ของแบงก์
อย่างไรก็ดี สินเชื่อของกลุ่มแบงก์โดยรวมในงวดไตรมาส 2/54 อาจจะเติบโตไม่แรงเท่ากับไตรมาส 1/54 แต่ก็ยังถือว่าสินเชื่อยังขยายตัวได้ดี หลายแบงก์ยังมีความสามารถในการปล่อยสินเชื่อแบบ Aggressive ได้