นางเทียนทิพ สุพานิช ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงแรงขายของต่างชาติที่มากน่าจะเกิดจากการปรับพอร์ตลงจากก่อนหน้านี้ที่ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมาค่อนข้างสูงและหันไปลงทุนในทองคำและพันธบัตรรวมถึงความผันผวนทางการเมือง
ในช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ เรื่องเงินเฟ้อ และรอดูว่าสหรัฐจะมีมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) หรือไม่ รวมทั้งความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศซึ่งการเมืองเป็นปัจจัยผสมตลาดในช่วงสั้นด้วยนอกจากปัจจัยภายนอก แต่เชื่อว่าไตรมาส 3/54 หลังเลือกตั้งแล้วตลาดหุ้นไทยก็จะกลับมาปกติ
สำหรับเรื่องเงินเฟ้อถือเป็นปัญหาของไทยเมื่อเทียบกับตลาดอินโดนีเซียและมาเลเซียที่มีวิธีการจัดการเรื่องเงินเฟ้อได้ดีมากกว่าอาจจะทำให้ตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับภูมิภาคดึงดูดนักลงทุนได้น้อยกว่า ทำให้หันไปลงทุนประเทศอื่นแทน
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกสนับสนุนการลงทุนโดยเฉพาะงบบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/54 ที่ออกมาเติบโตถึง 30% หรืออยู่ที่ 2 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต้นๆของภูมิภาคอีกทั้งตลาดหุ้นไทยยังมี Dividend Yield สูงกว่าภูมิภาค
"เป็นเรื่องปกติที่ช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงเพราะได้รับการ Underweight จากที่โกลแมนซาร์คได้ออกบทวิเคราะลดน้ำหนักการลงทุนในไทยลงจากปัญหาเงินเฟ้อ เป็น negative ช่วงสั้น แต่เรายังมีปัจจัยดีที่จะหนุนระยะยาวในด้านการเติบโตของบจ.และถ้าหากมีความชัดเจนหลังเลือกตั้งตลาดก็จะกลับมาปกติ" นางเทียนทิพ กล่าว