(เพิ่มเติม) TTA ให้ผถห.20รายส่งข้อมูลเพิ่มสัปดาห์นี้/ใกล้สรุป AODเข้าตลาดหุ้นออสโล

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 15, 2011 17:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการเงินและบัญชี บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) เปิดเผยว่า บริษัทได้ส่งหนังสือให้ผู้ถือหุ้นจำนวน 20 ราย จากทั้งหมด 75 รายที่ขอให้บริษัทเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นส่งข้อมูลเพิ่มเติมภายในสัปดาห์นี้ หลังจากพบว่ารายชื่อและจำนวนของผู้ถือหุ้นจำนวนดังกล่าวไม่ตรงกับสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นที่ปิดล่าสุด ณ วันที่ 2 มิ.ย. 54

ทั้งนี้ บริษัทได้รับจดหมายจากผู้ถือหุ้นจำนวน 75 ราย ที่ระบุว่า จำนวนหุ้นรวมกันในสัดส่วน 10.199% เมื่อ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อขอให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น

"มีประมาณ 20 ราย หรือ 1 ใน 3 ที่ข้อมูลไม่ตรงกันกับ TSD (ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์) ปิดไปเมื่อ 2 มิ.ย. ส่วนใหญ่เป็นผู้ถือหุ้นใหม่ ซึ่งเราไม่มีเบอร์ติดต่อ เราก็ส่งจดหมายแบบ EMS ก็ให้เวลาภายในสัปดาห์นี้" นางฐิติมากล่าว

จากนั้นบริษัทจะประชุมคณะกรรมการบริษัทให้เร็วที่สุด เพื่อกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และบริษัทโดยฝ่ายบริหารเองก็ต้องการชี้แจงกับผู้ถือหุ้นให้เกิดความเข้าใจ ส่วนจะมีการปลี่ยนแปลงกรรมการ หรือฝ่ายบริหาร ก็ยินดีทำตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น

*ปี 55 คาดผลงานดีขึ้น

สำหรับธุรกิจของ TTA ในปีนี้ ยอมรับว่าผลประกอบการจะไม่ดีโดยรายได้รวมและกำไรสุทธิคาดว่าจะลดลง 20% จากปีก่อน เนื่องจากธุรกิจรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองที่เป็นรายได้หลักของบริษัทนั้น ในปีนี้ค่าระวางเรือลดลงมาก เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐที่อาจจะไม่ฟื้นตัวยั่งยืน ส่งผลให้ดีมานด์ไม่ได้เติบโต ขณะที่ซัพพลายหรือกองเรือในปัจจุบันมีมากกว่าความต้องการ โดยจำนวนเรือเกินกว่าความต้องการ 23% จึงมีโอกาสที่ค่าระวางเรือจะปรับตัวลงได้อีก แต่คาดว่าจะไม่ลงไปต่ำถึงระดับ 900 เหรียญ/ลำ/วัน ที่เป็นระดับต่ำสุดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

ขณะเดียวกันบริษัทจะขายเรือเก่า จำนวน 7 ลำ ภายในงวดปีนี้ ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้พิเศษในไตรมาส 3/54 (เม.ย.-มิ.ย.)จำนวน 2 ลำ และไตรมาส 4/54 (ก.ค.-ก.ย.)จำนวน 5 ลำ จะทำให้กองเรือของบริษัทมีจำนวนลดลงเหลือ 15 ลำ และ อายุน้อยลง โดยวันนี้ได้รับเรือใหม่ 1 ลำ จะทำให้สิ้นงวดปี 54 กองเรือของบริษัทจะมี 16 ลำ อายุเฉลี่ย 10.5 ปี ทำให้ลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายไปได้มาก และทำให้อัตรากำไรต่อหน่วยดีขึ้นกว่าปีก่อน

ขณะที่ธุรกิจของบริษทย่อย ได้แก่ บมจ.เมอร์เมด มาริไทม์ (MML) ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง และ บมจ.ยูนิคไมนิ่ง (UMS)

ในส่วน MML ธุรกิจเริ่มมีรายได้ดีขึ้นในปลายไตรมาส 3/54 ซึ่งเป็นช่วงพีคของปี และดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/54 และ บริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่งค์ จำกัด (AOD) ซึ่ง MML ถือหุ้น 49% เตรียมตัวจะเข้าตลาดหุ้นออสโล ซึ่งคาดว่าในสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุปจากตลาดหลักทรัพย์ออสโล คาดว่าจะระดมทุนประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อลงทุนซื้อเรือขุดเจาะเพิ่มอีก 2 ลำ มูลค่าลำละ 180-200 ล้านเหรียญ หลังสั่งต่อเรือขุดเจาะ 2 ลำ กำหนดส่งมอบ ธ.ค.55 และ มี.ค.56 จากที่ตลาดเริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังราคาน้ำมันโลกปรับตัวขึ้น

ส่วน UMS แม้ว่าผลประกอบการปีนี้จะไม่ดี เนื่องจากมีสต็อกถ่านหินค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่เป็นถ่านหินที่ใช้ในโรงงานปูนซีเมนต์ คาดว่าบริษัททยอยระบายสต็อกไปได้หมดในไตรมาส 1/55 หรือ ไตรมาส 2/55 และคาดว่าในครึ่งหลังของปีหน้าผลประกอบการของ UMS จะดีขึ้น

"กำไรสุทธิปีนี้จะต่ำกว่าปกติที่ได้ปีละ 300-400 ล้านบาท คิดว่าสต๊อกน่าจะหมดในเดือน ม.ค. ถึง ก.พ. ปี 55 และคาดว่า ครึ่งปีหลังของปีหน้า น่าจะเห็นการเติบโตของ UMS"นางฐิติมา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ