โบรกฯหนุน"ซื้อ"TISCO สินเชื่อยังเติบโตต่อเนื่อง-จ่ายปันผลดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 28, 2011 15:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง "ซื้อ" บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) จากแนวโน้มไตรมาส 2/54 สินเชื่อยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง คาดครึ่งปีแรกสินเชื่อเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% และทั้งปีคาดสินเชื่อเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% แม้การปล่อยสินเชื่อรถยนต์จะได้รับผลกระทบจากยอดการผลิตรถยนต์ที่ชะลอลงบ้างจากเหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่น ขณะที่ NIM ได้ลดลงจากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้นส่งผลต่อ funding costสูงขึ้น แต่คาดสถานการณ์คลี่คลายลงในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากการแข่งขันด้านราคาจะลดลง

ทั้งนี้ มอง TISCO ยังทำกำไรได้ดีต่อเนื่อง แม้ไม่โดดเด่นเท่าปีก่อน แต่จากการที่ให้ผลตอบแทนปันผลได้ดี มี ROE ระดับสูง ถือเป็นธนาคารที่ยังแกร่งแข็งหากเทียบธนาคารขนาดกลางและเล็ก

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.กรุงศรีฯ            ซื้อ                  45.50
          บล.ยูไนเต็ด            ซื้อ                  48.80
          บล.เกียรตินาคิน         ซื้อ                  45.00
          บล.ธนชาต             ซื้อ                  50.00
          บล.กิมเอ็ง             ซื้อ                  43.50

นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา มองแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อของ TISCO ช่วง H1/54 จะเติบโตได้ดีใกล้เคียง 15% หลังจากไตรมาส 1/54 สินเชื่อเติบโต 10% และไตรมาส 2/54 น่าจะเติบโตได้ 3.7% และ H2/54 มองสินเชื่อน่าจะยังเติบโตได้แต่อาจไม่ดีเท่า H1/54 ทำให้ทั้งปีคาดการณ์ว่าสินเชื่อของธนาคารจะเติบโตได้ถึง 20% และส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตได้ตามการปล่อยสินเชื่อ โดยคาดว่าอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท เติบโต 17.6%

“ไตรมาสแรกที่สินเชื่อโตสูงเพราะมีการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่คือ SSI ประกอบกับเป็นช่วงรอยต่อของยอดขายรถยนต์ปีก่อนทำให้ยังปล่อยสินเชื่อรถได้ดี ส่วนไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบบางส่วนจากการผลิตรถยนต์ที่ชะลอลงจากเหตุการณ์ในญี่ปุ่น แต่โดยรวมถือว่าสินเชื่อยังโตได้ดี" นายธนัท กล่าว

อย่างไรก็ตาม NIM ที่ปรับลดลง เป็นปัจจัยกดดันตั้งแต่ปีก่อนเนื่องจากสินเชื่อเช่าซื้อที่จะมีดอกเบี้ยรับคงที่ ขณะที่ต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น แต่ NIMที่ลดลงถือว่าเป็นไปทั้งระบบธนาคารพาณณิชย์ และคาดการณ์ NIM จะชะลอการลดลงในในช่วงกลางปีนี้ เนื่องจากการแข่งขันการตัดราคาของสินเชื่อรถยนต์เริ่มคลี่คลายลง เพราะธนาคารขนาดใหญ่เองก็มีต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้แม้ TISCO จะเป็นผู้นำการปล่อยสินเชื่อรถยนต์อันดับ 2 ของตลาด รองจาก กลุ่มธนชาต และปีนี้กำไรของ TISCO คงไม่โดดเด่นเท่าปีก่อน แต่ภายใต้ NIM และเหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่นที่กระทบยอดการผลิตรถยนต์ แต่การปล่อยสินเชื่อรถยนต์ของธนาคารยังเติบโตได้ดี จากผลกำไร การจ่ายปันผลที่ดี ที่คาดว่าปีนี้อยู่ที่7% และระดับ ROE 21% ดังนั้นมอง TISCO ยังอยู่ในฐานะที่ดีเมื่อเทียบธนาคารขนาดกลางและเล็ก

บทวิเคราะห์ บล.ธนชาต คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/54 ของ TISCO จะยังคงเติบโตทั้งจากไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดสินเชื่อที่เติบโตดีต่อเนื่อง แม้ว่า NIM จะยังคงปรับตัวลดลง แต่คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากนี้เป็นต้นไป ขณะที่ยังคงมี dividend yield ที่สูงที่สุดในกลุ่มเป็นจุดเด่น

กำไรสุทธิไตรมาส 2/54 คาดว่าอยู่ที่ 864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน และ 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโตต่อเนื่องผลักดันโดยการเติบโตของสินเชื่ออย่างต่อเนื่องอีก ทำให้คาดครึ่งปีแรกสินเชื่อเติบโต 15.4% ซึ่งการขยายตัวของสินเชื่อในไตรมาสนี้ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลัก โดยได้อานิสงส์จากงาน Motorshow รวมทั้งสินเชื่อ Captive (Ford และ Mazda) ที่มียอดขายรถดีมาก

อย่างไรก็ตาม NIM น่าจะยังคงปรับตัวลดลงจาก 4.01% ในไตรมาสก่อนเหลือ 3.95% เนื่องจาก loan yield ยังปรับตัวขึ้นไม่ทัน Funding cost ที่ปรับตัวขึ้นเร็วกว่า ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมคาดเติบโตได้ดีตามการขยายตัวของสินเชื่อ ขณะที่การควบคุมค่าใช้จ่ายยังคงทำได้ดี ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ มอง NIM ของ TISCO น่าจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/54 เป็นต้นไป และได้ปรับประมาณการสินเชื่อขึ้น จากเดิมคาดเติบโต 15% เป็น 21% รวมทั้งปรับลดค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองจาก 1.0% ต่อสินเชื่อเหลือ 0.9% ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 54 ปรับเพิ่มขึ้น 7% เป็น 3.4 พันล้านบาท เติบโต 19% จากปี 53

ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น TISCO ได้ปรับตัวลดลงมาแล้ว 16% ตามภาวะตลาดหุ้นโดยรวมและกลุ่มธนาคารที่ปรับลดลงมาค่อนข้างแรง และด้วยราคาปัจจุบันมองว่า Downside ของ TISCO ค่อนข้างจำกัด ผลตอบแทนเงินปันผลปัจจุบันอยู่ที่ 7.7% สูงที่สุดในกลุ่ม ขณะที่ราคาหุ้นมี Upside จากราคาเป้าหมายที่ 43.5 บาท สูงถึง 23% โดย TISCO ยังคงมีจุดเด่นที่ ROE และ Dividend yield สูงที่สุดในกลุ่ม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ