ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้นเกินคาด และบริษัทเอกชนของสหรัฐรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5789.99 จุด บวก 37.18 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนคึกคักขึ้นหลังจากที่ตลาดร่วงลงเมื่อวันก่อน โดยตลาดได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด 14.6% สู่ระดับ 629,000 ยูนิตต่อปีในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชนสหรัฐ รวมถึงอินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ (IBM) ที่เปิดเผยว่ารายได้สุทธิไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.46 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น โดยหุ้นลอยด์ส แบงกิง ดีดตัวขึ้น 4.3 % หลังจากจากมีรายงานว่าคณะกรรมการบริหารของลอยด์ส แบงกิงได้ทาบทามนายนาธาน บอสต็อค หนึ่งในผู้บริหารของธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารในกลุ่มธุรกิจ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และพลังงานปรับฐานขึ้น โดยหุ้นคาซัมมิส ผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่สุดของคาซัสถาน ทะยานขึ้น 3.2% หุ้นเคร์น เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 3% หุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ปรับตัวขึ้น 2.7%
หุ้นบริติช สกาย บรอดคาสติง กรุ๊ป (บีสกายบี) พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากมีรายงานว่านายเจมส์ เมอร์ดอค ประธานบีสกายบีซึ่งเป็นบุตรชายของนายรูเพิร์ท เมอร์ดอค ซีอีโอนิวส์ คอร์ป ให้มอบหลักฐานการดักฟังโทรศัพท์ของหนังสือพิมพ์นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ให้กับทางการอังกฤษ