ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์บวก 4.28 จุด รับผลประกอบการบริษัทค้าปลีก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 18, 2011 06:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) หลังจากบริษัทในกลุ่มค้าปลีกเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินฟรังค์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 4.28 จุด หรือ 0.04% แตะที่ 11,410.21 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 1.13 จุด หรือ 0.09% แตะที่ 1,193.89 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 11.97 จุด หรือ 0.47% แตะที่ 2,511.48 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.9 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 3 ต่อ 2

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นหลังจากบริษัทหลายแห่งรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด รมถึงบริษัท ทาร์เก็ต คอร์ป และสแตปเปิลส์ อิงค์ โดยหุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า รายได้โดยรวมในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 4.6% สู่ระดับ 1.624 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นสแตปเปิลส์ อิงค์ ทะยานขึ้นกว่า 7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและยอดขายที่ดีเกินคาด พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทเอกชนด้วย

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 0.47% โดยเดลล์ อิงค์ ร่วงลง 10% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ ขณะที่หุ้นหุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ดร่วงลง 3.7% ซึ่งการร่วงลงของหุ้นทั้งสองส่งผลให้ภาวะการซื้อขายผันผวนอย่างหนัก และทำให้ดัชนี S&P 500 ปิดเกือบทรงตัว

นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป หลังจากยูโรสแตทเปิดเผยว่า เศรษฐกิจในยูโรโซนขยายตัวเพียง 0.2% ในไตรมาส 2 เทียบกับไตรมาสแรกที่ขยายตัว 0.8% ขณะที่เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวเพียง 0.1% ในไตรมาส 2 หลังจากที่ขยายตัว 1.3% ในไตรมาสแรก ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่า เศรษฐกิจโดยรวมในยูโรโซนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอยรุนแรง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลงเมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) เดือนก.ค.พุ่งขึ้น 0.2% หลังจากที่ปรับตัวลดลง 0.4% ในเดือนมิ.ย. และหากไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงานพบว่า ดัชนีพีพีไอเพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อแม้เศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลงก็ตาม

นักวิเคราะห์จากเครดิตสวิสมองว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจทำให้โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 หรือ QE3 นั้น ลดลงด้วย หลังจากที่มาตรการ QE2 ที่เพิ่งปิดโครงการไปเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ถูกวิพากษ์วิจารย์อย่างหนักว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐและทั่วโลก

นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข่าวธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ประกาศเดินหน้าใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในการสกัดการแข็งค่าของเงินฟรังค์ ด้วยการเพิ่มเพดานเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งสำรองไว้กับธนาคารกลางอีก จากเดิม 1.20 แสนล้านฟรังค์ เป็น 2 แสนล้านฟรังค์ เนื่องจากเงินฟรังค์ยังคงมีมูลค่าสูงเกินจริง แม้ธนาคารกลางพยายามใช้มาตรการต่างๆในการสกัดการแข็งค่าของเงินฟรังค์แล้วก็ตาม

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ค. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ