ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ นักลงทุนยังกระหน่ำขายหุ้นในกลุ่มธนาคาร หลังจากมีรายงานว่าหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสหรัฐกำลังตรวจสอบสถานะการเงินของธนาคารยุโรปรายใหญ่ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในสหรัฐ เพราะเกรงว่าวิกฤตหนี้ยูโรโซนอาจจจะลุกลามเข้าสู่ระบบการธนาคารของสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 239.37 จุด หรือ 4.5% ปิดที่ 5,092.23 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกอาจชะลอตัวลง หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 3.9% จากเดิมที่คาดไว้ว่า จะขยายตัว 4.2% และปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าลงสู่ระดับ 3.8% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะขยายตัว 4.5%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนักจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสหรัฐกำลังตรวจสอบสถานะการเงินของธนาคารยุโรปรายใหญ่ที่เข้าไปเปิดสาขาในสหรัฐ โดยหุ้นธนาคาร HSBC ร่วงลง 6% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สดิ่งลง 6%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงหลังจากราคาโลหะพื้นฐานในตลาดลอนดอนร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยหุ้นริโอทินโตร่วงลง 6.5% หุ้นเอ็กสตราต้าร่วงลง 10% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 6.5%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษ ซึ่งรวมถึงยอดขายเชื้อเพลิง ขยายตัว 0.2% ในเดือนก.ค. จากเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ต่ำกว่าคาดการณ์