นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ( EARTH) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนในการหาเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียเพิ่ม จากที่ได้เข้าเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินแห่งหนึ่งแล้วในช่วงที่ผ่านมา เพื่อรองรับปริมาณความต้องการใช้ถ่านหินในตลาดโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในเหมืองใหม่ดังกล่าวเบื้องต้นคงจะเป็นเหมืองขนาดกลาง
ทั้งนี้ เหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียที่บริษัทเพิ่งเข้าซื้อกิจการนั้น ขณะนี้มีออเดอร์ล่วงหน้าแล้วจากประเทศจีน จากปริมาณถ่านหิน 7.4 ล้านตัน/ปี คาดว่าจะเริ่มมีผลผลิตได้ในเดือนต.ค.54 และจะสามารถรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 4/54 ส่งผลต่อการเติบโตรายได้ในปี 55 ที่บริษัทตั้งเป้าไว้ 1 หมื่นล้านบาท หรือมียอดขายถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็น 3.2 ล้านตัน จากปีนี้มียอดขายถ่านหิน 1.2 ล้านตัน หรือเติบโต 50% จากปีก่อน
ยอดขายถ่านหินเพิ่มขึ้นแบ่งเป็นการขายตามสัญญาล่วงหน้า 2 ล้านตัน และ 1.2 ล้านตันเป็นการขายในราคาตลาด นอกจากนี้บริษัทคาดว่าปริมาณการขายถ่านหินจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากจะมีการเซ็นสัญญา MOU ในเดือนต.ค.กับคู่ค้าในประเทศอินเดีย ซึ่งในเบื้องต้นลูกค้าต้องการปริมาณถ่านหิน 2 ล้านตัน/ ปี
นายขจรพงศ์ กล่าวว่า การที่เราได้เป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่จะสนับสนุนธุรกิจให้มีความมั่นคง แข็งแกร่ง และยังช่วยลดความเสี่ยงด้านการจัดหาวัตถุดิบ ต้นทุนที่ลดลง ประกอบกับ การที่บริษัทได้คู่ค้าจากอินเดียจะทำให้ปริมาณถ่านหินจะเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เพราะอินเดียเป็นประเทศที่นำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซียเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศจีน และปัจจัยดังกล่าวจะสนับสนุนต่ออัตราผลกำไรที่เพิ่มขึ้น และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว
ส่วนแนวโน้มธุรกิจจำหน่ายถ่านหิน เชื่อว่าเติบโตได้ดีตามปริมาณและราคาถ่านหินปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันค่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 85 เหรียญ/ ตัน จากปีก่อน 80 เหรียญ/ตัน จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศจีน หลังจากเหมืองถ่านหินหลายแห่งในจีนปิดไป และวิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งการปรับโครงสร้างภาษีถ่านหินของออสเตรเลีย มีผลให้ราคาถ่านหินสูงขึ้น และออเดอร์ไหลมาที่อินโดนีเซียมากขึ้น