ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์พุ่ง 146.83 จุดรับข่าวผู้นำยุโรปกู้วิกฤตหนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 28, 2011 06:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากตลาดยังคงผ่อนคลายจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปและคาดว่าผู้นำยุโรปจะมีมติเห็นชอบให้เพิ่มขนาดและศักยภาพด้านการปล่อยกู้ของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนียืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางที่จะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 146.83 จุด หรือ 1.33% ปิดที่ 11,190.69 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 12.43 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 1,175.38 จุด ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 30.14 จุด หรือ 1.20% ปิดที่ 2,546.83 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ โดยดัชนีหลักๆพุ่งขึ้นกว่า 1% เมื่อคืนนี้ หลังจากนางแองเกลาร์ แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีส่งสัญญาณว่า เยอรมนีจะทำทุกวิถีทางที่จะสนับสนุนกรีซและช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลกรีซรับผิดชอบในส่วนของตนเองอย่างเคร่งครัด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายแมร์เคลแถลงกับผู้สื่อข่าวที่กรุงเบอร์ลินร่วมกับนายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาประเทศไทยว่า "เยอรมนีพร้อมที่จะดำเนินทุกด้านที่จำเป็นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับกรีซ และจะช่วยให้กรีซยังคงเป็นสมาชิกในกลุ่มยูโรโซนต่อไป"

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงขานรับรายงานที่ว่าผู้นำยุโรปกำลังหารือกันเรื่องการเพิ่มเพิ่มขนาดและศักยภาพด้านการปล่อยกู้ของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) โดยมีการคาดการณ์ว่าผู้นำยุโรปอาจจะเพิ่มเงินทุนให้แก่ EFSF เป็น 1-2 ล้านล้านยูโร พร้อมกับจับตาดูการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติของเยอรมนีที่จะลงมติเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ในวันที่ 29 ก.ย.นี้

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อวุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 79 ต่อ 12 เสียง ผ่านร่างกฎหมายที่จะช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการถูกปิดอันเนื่องจากการขาดงบประมาณ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้จะทำให้หน่วยงานของรัฐยังคงมีงบประมาณในการเปิดทำการต่อไปได้จนถึงวันที่ 18 พ.ย. และเพิ่มงบประมาณให้กับสำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FEMA) ด้วย

อย่างไรก็ตาม สเตเฟน เจ กิลโฟยิล นักวิเคราะห์จากเมริเดียน อิควิตี้กล่าวว่า "แรงขับเคลื่อนที่ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกได้ติดต่อกัน 3 วันทำการนั้น มาจากความคืบหน้าในยุโรป อาจกล่าวได้ว่าในขณะนี้การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นนิวยอร์กขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในยุโรป ไม่ใช่มาจากปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กไม่ได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐเมื่อคืนนี้ รวมถึงราคาบ้านและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค"

คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 45.4 จุด ซึ่งแม้ว่าจะสูงกว่าเดือนส.ค.ที่ระดับ 44.5 จุด แต่ก็ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 46 จุด

ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านประจำเดือนก.ค.ใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนิวยอร์ก ไมอามี และบอสตัน ร่วงลง 4.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของตลาดอสังหาริมทรัพย์และกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ

หุ้นแอคเซนเจอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสพุ่งขึ้น 37% ขณะที่รีเสิร์ช อิน โมชัน ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบล็คเบอร์รี พุ่งึ้น 4.5% หลังจากมีข่าวลือว่ามหาเศรษฐีคาร์ล ไอคาห์น จะเข้าซื้อหุ้นของบริษัท

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) เดือนส.ค.

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ