ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: แรงซื้อหุ้นธนาคาร,เหมืองหนุนตลาดหุ้นยุโรปพุ่งแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 28, 2011 07:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 16 เดือน เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าผู้นำยุโรปจะร่วมมือกันควบคุมการลุกลามของวิกฤตหนี้ในยูโรโซน ซึ่งการคาดการณ์ในเรื่องดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นด้วย

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 4.4% ปิดที่ 229.91 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5628.44 จุด พุ่งขึ้น 282.88 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3023.38 จุด ทะยานขึ้น 164.04 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5294.05 จุด พุ่งขึ้น 204.68 จุด

ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นหลังจากสถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า ผู้นำยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับแผนการเพิ่มขนาดและเพิ่มสิทธิอำนาจให้กับกองทุน EFSF ซึ่งปัจจุบันมีวงเงิน 4.40 แสนล้านยูโร (5.95 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีการคาดการณ์ว่าผู้นำยุโรปอาจจะเพิ่มเงินทุนให้แก่ EFSF เป็น 1-2 ล้านล้านยูโร

นางแองเกลาร์ แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีแถลงกับผู้สื่อข่าวที่กรุงเบอร์ลินวมกับนายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาประเทศไทยว่า "เยอรมนีพร้อมที่จะดำเนินทุกด้านที่จำเป็นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับกรีซ และจะช่วยให้กรีซยังคงเป็นสมาชิกในกลุ่มยูโรโซนต่อไป" ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นด้วย

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นขานรับความเคลื่อนไหวในด้านบวกของยุโรป โดยหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ พุ่งขึ้น 14% หุ้นโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) พุ่งขึ้น 17% หุ้นเครดิต อกริโคล พุ่งขึ้น 5.19% หุ้น Erste Group Bank AG (EBS) ธนาคารรายใหญ่ของออสเตรีย พุ่งขึ้น 8.3% และหุ้นดอยช์ แบงก์ พุ่งขึ้น 13%

กลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นตามราคาโลหะในตลาดโลก โดยหุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ผู้ประกอบการเหมืองทองแดงรายใหญ่ระดับโลก พุ่งขึ้น 12% หุ้นอันโตฟากัสตา พุ่งขึ้น 11% และหุ้นคาซัคมิส พุ่งขึ้น 9.6% ส่วนหุ้นเฟรสนิลโล ผู้ประกอบการเหมืองโลหะเงินรายใหญ่ พุ่งขึ้น 10% และหุ้นแรนโกลด์ รีซอสเซส ผู้ประกอบการเมืองทองคำของอังกฤษ ทะยานขึ้น 5.1%

หุ้นโลจิกา ผู้ให้บริการด้านคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของยุโรปพุ่งขึ้น 8.3% ขณะที่หุ้น Alstom SA ผู้ผลิตอุปกรณ์พลังงานรายใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป พุ่งขึ้น 11% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนให้กับหุ้นดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ